วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Travellin' light ไปเวียดนาม - ข้อควรระวัง

จริง ๆ แล้ว ผมเขียนเรื่อง "Travellin' light ไปเวียดนาม" มาได้ ๕ ครั้งแล้ว เริ่มจาก  "การชั่งใจ" เขียนเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เมื่อใกล้กำหนดบินจากกรุงเทพไปฮานอย...


เหลือเวลาตัดสินใจแค่ ๒ วัน ขณะปวดฟัน...ผมเขียนถึง "การชั่งใจ" ไว้ว่า...
ความจริงไปเวียดนามก็ง่ายดีเพราะไม่ต้องไปทำวีซ่า ให้เสียทั้งตังค์ทั้งเวลา เหมือน Travellin' light ไปพม่า ค่าที่พักก็ไม่แพงเพราะมี hostel ให้เลือกพักมากมาย แต่ผมกลับไม่รู้สึกตื่นเต้น ไม่กระตือรือร้นแม้แต่น้อยก็ว่าได้  ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้จัดของ  เป้ใบเล็กก็ยังไม่ได้นำออกมาด้วยซ้ำ  ไม่ได้ตระเตรียมอะไรทั้งสิ้น นับว่าเป็นเรื่องแปลกกว่าทุกครั้ง!!  บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้!
เช้าวันที่ ๒ ผมเขียน "ห้างฉัตรสู่ดอนเมือง" ก่อนที่จะเดินทางจากบ้านห้างฉัตรไปขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีรถไฟห้างฉัตร โดยเล่าว่า...
เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น อาการปวดฟันทุเลาลงไปมาก... ผมพยายามทดสอบร่างกายว่าพอจะ travel light ไปเวียดนามได้หรือไม่?  รู้สึกว่าพอไหวครับ! ได้คำตอบแล้วว่าผมจะไป ถึงกระนั้นก็ยังไม่ได้เต็มร้อย ผมยังคงสามารถยกเลิกการเดินทางได้ตลอดเวลาจนกว่าจะเดินขึ้นเครื่อง!
ไม่มีอะไรยุ่งยากในเรื่องการจัดของลงเป้ ผมทำอย่างที่เคยบอกไว้ว่าทริป travellin’ light ครั้งต่อไปจะใช้เป้ Deuter ใบที่เคยใช้ตอน FB Trip ไปเชียงแสน   เสื้อผ้า ของใช้ที่จำเป็น และอุปกรณ์ชาร์จแบต รวมกันแล้วก็คงไม่เกิน ๗ กิโลกรัมแน่นอน ยังคงเป็นการเดินทางแบบเบาตัวหรือตัวเบา (travellin’ light) เหมือนเดิม…
ผมจะนั่งรถไฟขบวน 408 จากสถานีห้างฉัตรเวลา ๑๑.๒๒ น. ไปถึงปลายทางที่นครสวรรค์ เวลา ๑๙.๔๕ น. กะว่าจะไปกินอาหารอร่อย ๆ ที่ร้านใกล้กับสถานีรถไฟแล้วนั่งรถขึ้นรถไฟขบวน 108 จากสถานีนครสวรรค์เวลา ๐๐.๓๓ น. แล้วไปลงที่สถานีดอนเมืองเวลา ๐๔.๑๐ น. ลงจากรถไฟที่สถานีดอนเมืองแล้วเดินข้ามสะพานลอยไปยังอาคารผู้โดยสารขาออกของสนามบินดอนเมืองได้เลย…
ในที่สุดก็ได้เดินทางสมใจ ผมไปอยู่ในเวียดนามตั้งแต่วันที่ ๓ ใช้เวลา ๒ สัปดาห์ได้ท่องเที่ยวฮานอย เว้ ดานัง และฮอยอัน บินกลับมาเมืองไทยวันที่ ๑๗ กรกฎาคม เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้เขียนเรื่อง "return home" ส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ทราบว่าผมเดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้ว!

วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ผมเขียนเรื่อง "ค่าใช้จ่าย" สรุปไว้ว่า...
การเดินทางไปเวียดนามครั้งนี้ ไม่นับค่าเครื่องบิน…ผมหมดเงินไป $200 (เท่ากับไปพม่า)  ใช้เครื่องคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนดูแล้ว คิดเป็นเงินไทยได้ ๖,๒๖๘ บาท นำไปหารด้วย ๑๔ ได้ค่าเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตก ๔๔๗.๗๑ บาทต่อวัน ทั้งหมดเป็นค่าที่พัก ค่ารถ ค่าทัวร์ (๒ ครั้ง)  ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าเช่าจักรยาน และค่าบัตรผ่านประตู  ได้ไปเห็น ๔ เมือง คือ ฮานอย เว้ ดานัง และฮอยอัน  ถ่ายภาพกลับมาได้ ๓,๔๐๓ บาน…
วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ผมเขียนเรื่อง "ความผิดพลาดของผม" และลงท้ายว่า...
ความผิดพลาดเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้ามีคนแนะนำหรือตักเตือน ผมจึงอยากรายงานให้เพื่อน ๆ ได้พิจารณา และใช้เป็นเครื่องเตือนใจในการท่องเที่ยวแดนไกลครั้งต่อ ๆ ไป...
หลังจากนั้นก็ไม่ได้เขียนเรื่องเวียดนามอีก ผมหันไปเขียน "Travellin' light ไปพม่า" ต่อจนถึง "บทอวสาน"  เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗   วันนี้ผมกำลังจะกลับมาเขียนเรื่อง "Travellin' light ไปเวียดนาม" ต่อ โดยจะขออรัมภบทด้วย "ข้อควรระวัง" ซึ่งอาจมีประโยชน์สำหรับนักเดินทางแบกเป้ที่กำลังวางแผนที่จะไปเวียดนาม!

ก่อนอื่นเพื่อน ๆ ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ ๓ ในบรรดาประเทศอาเซียน ด้วยพื้นที่ ๓๓๑,๖๘๙ ตารางกิโลเมตร (น้อยกว่าประเทศไทย)  ค่าแรงขั้นต่ำ ๒,๗๕๐ บาท (ในขณะที่เมืองไทย ๙,๐๐๐ บาท)  อัตราคนว่างงานร้อยละ ๗.๓๔   ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเกือบ ๒ แสนคนยังคงไม่มีงานทำ ธรรมชาติคนเวียดไม่ว่าหญิงหรือชายเป็นนักต่อสู้  ขยัน และมีความเป็นชาตินิยมสูง ประเทศเคยตกต่ำมาตั้งแต่อดีตจนถึงยุคสงครามเวียดนาม  คนเวียดนามวัยกลางคนได้ผ่่านสงครามอันโหดร้ายมาอย่างโชกโชน แม้ทุกวันนี้ประเทศจะได้รับการฟื้นฟู จนถึงกับกองทัพเรือมีเรือดำน้ำใช้ แต่ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยก็ยังกว้างอยู่ ประชากรส่วนใหญ่ยังต้องตีนถีบปากกัดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อน ๆ จะได้เห็นการแก่งแย่ง ความเห็นแก่ตัว การฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบ และอันตรายที่อยู่รอบตัว ถ้าไปกับทัวร์เป็นหมู่คณะ ภายใต้การนำของไกด์ โอกาสที่จะได้พบเห็นภาพในด้านลบก็คงไม่มี แต่ถ้าเดินทางแบกเป้ไปด้วยตนเอง พึงระวังไว้หน่อยก็จะดี!  มีหลายเรื่องที่มีผู้เขียนเตือนไว้ในอินเทอร์เน็ต อย่างเช่น เล่ห์เหลี่ยมของแม่ค้า การถูกตามตื้อ  การโก่งราคา หรือแม้กระทั่งการเรียกเก็บเงินเมื่อถูกถ่ายรูป ผมเจอมาหมดแล้ว โชคดีที่ตระหนักอยู่ตลอด จึงทำให้รอดพ้นมาได้...



ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เดินทางไปเวียดนามเท่าที่นึกออกมีดังนี้...


  • อย่าซื้อตั๋วโดยสารจากบริษัททัวร์ที่ตั้งอยู่ข้างถนน ให้ปรึกษาเส้นทาง ถามข้อมูลและซื้อตั๋วกับทางโรงแรม จะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับตั๋วปลอมหรือตั๋วที่ปราศจากการรับผิดชอบ นอกจากนั้นแล้วทางโรงแรมยังจะช่วยดูแลและคอยติดตามเรื่องรถที่จะมารับถึงหน้าโรงแรมให้ด้วย
  • ซื้อ one-day tour กับเคาเตอร์โรงแรมดีกว่า
  • ไปกับทัวร์ก็ต้องเป็นลูกทัวร์ที่ดี อย่ามัวเพลินแต่ถ่ายรูป อาจหลงฝูงได้
  • อย่าถ่ายภาพบรรดาแม่ค้าตรง ๆ  เพราะจะถูกเรียกเก็บเงิน หรือไม่ก็ถูกบังคับให้ซื้อของที่เธอขายอยู่ (ถ้าไม่ให้ก็จะถูกด่า) แม่ค้าบางคนคะยั้นคะยอให้ถ่ายรูปของเธอ บางทีก็ยื่นไม้คานให้ลองหาบ อย่าหลงกลนะครับ เพราะจะต้องเสียตังค์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
  • พยายามหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพสถานที่ราชการ ดูธงดาวแดงให้ดี
  • อย่าซื้อขนมที่แม่ค้านำมาให้ลองชิม เพราะจะถูกโก่งราคาแพงมาก
  • พยายามหลีกเลี่ยงเด็กหนุ่มที่ถือลังเครื่องมือมาบอกว่าจะซ่อมรองเท้าให้
  • อย่าแลกเงินกับคนเวียดที่มาเสนอให้ตามถนน
  • อย่าหลงเชื่อให้คนขับรถมอเตอร์ไซค์หรือสามล้อพาไปเที่ยวซ่อง (cat house)
  • อย่าแอบไปนอนพักตามจุดเปลี่ยวในสวนสาธารณะ อาจถูกตามตื้อให้บริการทางเพศ
  • เลือกกินอาหารตามร้านที่มีเมนูบอกราคาชัดเจนดีกว่า
  • หาซื้อเสบียงจาก super market (ที่เมืองเว้ก็มีบิ๊กซี)
  • เมื่อซื้อเครื่องดื่มหรือขนมจากแม้ค้า พยายามอย่าจ่ายด้วยแบงค์ใหญ่ให้เค้าทอน ให้เตรียมเงินไว้ให้พอดี หรือไม่ก็เป็นตังค์ย่อย
  • นับเงินทอนให้ดี หากรู้ว่าถูกโกงให้พูดเสียงดัง อย่าปล่อยเลยตามเลย
  • พกน้ำดื่มไปด้วยจะช่วยได้
  • อากาศแปรปรวน บางครั้งร้อนจัด บางครั้งฝนตก ควรเตรียมหมวกและเสื้อฝนไปด้วย
ผมคิดได้แค่นี้ก่อน คนเวียดจำนวนไม่น้อยที่เคยสู้รบอยู่ในอุโมงค์ มาวันนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว ในสายตาของเขาอาจดูอ่อนโยนและน่าเห็นใจ เพื่อน ๆ อาจมองไม่เห็นแววของความโหดเหี้ยมที่แฝงอยู่ ทางที่ดีควรเตือนตนไว้เสมอว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน"

เมื่อเตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว การเดินทางแบบตัวเบาสู่เวียดนามของนักเดินทางสูงวัยก็เริ่มขึ้น...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น