วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Travellin' light ไปเวียดนาม - จากห้างฉัตรสู่นครสวรรค์

ถ้าเพื่อน ๆ เป็นคนรุ่นเก่าที่เคยใช้ชีวิตอยู่ตามฝั่งคลอง ท่าเทียบเรือ หรือหมู่บ้านชาวประมง คงจะนึกภาพสะพานไม้ที่ใช้ทอดเป็นทางเดินจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้ สำหรับการเดินทางจากบ้านห้างฉัตร เพียงแค่หลับตา ผมก็เห็นภาพไม้กระดานที่ถูกปูต่อกันไปจากห้างฉัตรจนถึงเมืองฮานอยโน่น ไม้แผ่นแรกพาผมเดินทางจากบ้านไปสถานีรถไฟห้างฉัตร แผ่นที่สองพาผมไปยังนครสวรรค์ แผ่นที่สามทอดต่อไปยังสนามบินดอนเมือง และแผ่นสุดท้ายจากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินโหน่ยบ่าย ต่อจากนั้นผมยังไม่รู้เหมือนกันว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร คิดแต่เพียงว่าถึงตอนนั้นค่อย improvise กันอีกที! 

เช้าวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ แค่ก้าวเดินไปตามไม้กระดานแผ่นแรกก็ตื่นเต้นซะแล้ว ผมตื่นขึ้นมาจัดของลงเป้และเตรียมตัวตั้งแต่เช้ามืด วันนี้เป็นวันพุธ ผมได้คุยกับคุณพ่อของน้องเมเปิ้ลเรื่องขอให้ช่วยไปส่งขึ้นรถไฟไว้ตั้งวันเสาร์ที่แล้ว เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้า ๓-๔ วัน หากเลิกล้มการเดินทางจะโทรไปบอก เมื่อผมไม่ได้โทรไปก็แสดงว่าประมาณ ๑๑ โมง คุณสุทัศน์จะขับรถมารับผมไปส่งที่สถานีรถไฟห้างฉัตรตามที่ได้คุยกันไว้...

พร้อมตั้งแต่ ๑๐ โมงกว่า ๆ ผมรอรถมารับอย่างเดียว ดูข้อมูลในเว็บของการรถไฟมาแล้วว่าทราบรถไฟขบวน ๔๐๘ วิ่งจากเชียงใหม่มาถึงสถานีห้างฉัตรเวลา ๑๑.๒๒ น. พอนาฬิกาบอกเวลา ๑๑ โมง ผมเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว!! ปิดประตูหน้าบ้านยืนรอรถคุณสุทัศน์ด้วยหัวใจร้อนรุ่มได้ไม่นาน ผมตัดสินใจแบกเป้เดินไปยังร้านอาหารพื้นเมือง "ลำแต้" ขอให้คุณวิโรจน์ช่วยพาผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปสถานีรถไฟ ถ้าขืนชักช้าผมตกรถแน่นอน! ผมยกนาฬิกาขึ้นดูขณะยืนรอพ่อครัวค่อย ๆ เข็นจักรยานยนต์คันเก่าออกมา ทำไมนาฬิกาผมถึงเดินเร็วจัง!  เหลืออีก ๑๐ กว่านาที เจ้าเต่าสองล้อพาผมควบปุเลง ๆ ไปยังถนนข้างวัดดอนมูล เลี้ยวซ้ายไปได้ประมาณ ๑๐๐ เมตร เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น  คุณสุทัศน์นั่นเอง!...โทรมาบอกว่าขับรถมารออยู่หน้าบ้านแล้ว ผมรีบบอกให้พ่อครัวร้านลำแต้เลี้ยวรถพาผมกลับไปส่งขึ้นรถยนต์  อ้าว...หมวกปลิวตกอีก ต้องวิ่งกลับไปเก็บ!!!

่ตอนก้าวขึ้นนั่งบนรถปิกอัพคันหรู เหลือเวลาอีกแค่ ๑๐ นาที ผมถามว่าจะทันหรือ? คุณสุทัศน์ตอบด้วยความมั่นใจว่า "ทันครับ" ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งพาผมกลับยังถนนข้างวัดดอนมูล ลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็ก ๆ สู่ถนนลำปาง-ห้างฉัตรสายเก่า ขณะนั้นผมรู้สึกว่าเวลาเดินเร็วแต่รถกลับวิ่งช้า...


ระบบนำทางบนรถคุณสุทัศน์ส่งเสียงบอกว่าถึงแล้ว..  ทันจริง ๆ ด้วย!!  ถ้าให้เลือกใช้คำว่า "on time" กับ "in time" ผมคงต้องเลือกใช้คำแรก เพราะมันตรงกับเวลาที่ผมคิดไว้ ผมลงจากรถปิกอัพ รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่ารถไฟยังไม่มา พอไปถึงหน้าห้องจำหน่ายตั๋ว ถึงได้รู้กำหนดเวลาเดินรถใหม่ซึ่งเปลี่ยนจาก ๑๑.๒๒ น. เป็น ๑๑.๔๘ น.   โธ่เว้ย! (คำฮิต) แล้วทำไมไม่บอก!!!  ปล่อยให้หัวใจเกือบจะวายอยู่ได้ (รฟท. รู้จักอัพเดทข้อมูลเว็บซะบ้างนะ)  ผมรู้สึกโล่งอกเมื่อมีเวลาเหลืออีกเกือบครึ่งชั่วโมง หัวใจกลับมาเต้นด้วยอัตราปกติ!



ก่อนจากไป คุณสุทัศน์ยื่นซองจดหมายสีชมพูให้และบอกให้ผมเที่ยวเผื่อ ผมไม่กล้ารับเพราะรู้ว่าเป็นเงิน แต่คุณพ่อน้องเมเปิ้ลบอกว่าไม่รับก็ไม่ยอม ผมจึงรับมาด้วยความซาบซึ้งใจ! เมื่อเปิดดูทีหลังจึงรู้ว่ามีธนบัตร ๕๐๐ บาทบรรจุอยู่ ๓ ใบ...


เป็นคนเดียวที่มาขึ้นรถไฟฟรี ผมได้รับตั๋วมาแล้ว...


ถ่ายภาพ ต.ญ. ไว้หน่อย...


รู้ว่าทุกสถานีหลักจะมีเครื่องชั่งตั้งอยู่เพื่อใช้ชั่งสินค้าที่จะส่งทางรถไฟ... ผมนำเป้ไปชั่ง


๖ กิโลเอง! อย่างเนี้ยถึงจะพูดเต็มปากได้แล้วว่า "travellin' light"


ได้เวลารถดีเซลรางบริการสังคมขบวน ๔๐๘ จากเชียงใหม่เข้าเทียบสถานีห้างฉัตร เสียงระฆังที่ได้ยินเป็นเสียงสวรรค์ที่รอคอย ผมคว้าเป้ขึ้นสะพายแล้วเดินไปยืนรอบนชานชาลา...


เสียงหวูดดังมาแต่ไกล แสงไฟหน้ารถค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามา....


หนุ่มพนักงานรถไฟคนนี้เคยเห็นชายแบกเป้มาใช้บริการหลายครั้งแล้ว แต่เค้าไม่รู้หรอกว่าวันนี้ตาลุงแก่กำลังจะไปเวียดนาม....


รถจอดสนิท ผมกดปุ่มให้ประตูเปิดแล้วก้าวขึ้นไปหาที่นั่ง ขณะที่รถไฟเปิดหวูดแล้วขยับตัวเคลื่อนสู่สถานีนครลำปาง ที่ว่างมีมากมาย ผมเลือกเบาะขวางข้างประตู...



ผมเคยบอกแล้วว่า ถ้าไม่มีรูปส้วมบนรถไฟมาให้ดู ก็คงไม่ใช่การเดินทางสไตล์ลุงน้ำชา....


ในสมุดบันทึก ผมจดไว้ว่า....
๑๕.๐๐ น. ถึงสถานีเด่นชัย ช่วงออกจากสถานีเด่นชัย มีตำรวจรถไฟขึ้นมาเดินตรวจสัมภาระผู้โดยสาร ขอค้นเป้ที่วางไว้บนชั้น บอกให้ดูเอง กลับผ่านไป
๑๕.๓๓ น. ถึงสถานีบ้านด่าน จอดรอสับหลีก
๑๕.๕๕ น. ถึงสถานีศิลาอาสน์ ก่อนเข้าสถานี ไปเข้าห้องน้ำ take a leak ถ่ายภาพไว้ด้วย ยังคงเหมือนเดิม ฉี่ลงไปตามรางรถไฟ!
๑๖.๐๐ น. ถึงสถานีอุตรดิตถ์ มีคนขึ้นเต็ม มีทั้งนักศึกษาและประชาชน เหมือนกับขบวนรถไฟฟรีที่ไปสุพรรณบุรี เป็นช่วงเย็นที่ผู้คนเลิกงานแล้วอาศัยรถไฟกลับบ้าน - นายตรวจขึ้นมาแก๊บ ๆ ตั๋ว อากาศร้อนอบอ้าว ผ่านวังกะพี้ ตรอน...
๑๖.๒๐ น. ท่าสัก มีคนขึ้นและคนลง ชุมทางบ้านดารามีแต่่คนลง สถานีไร่อ้อย นักศึกษาเทคนิคอุตรดิตถ์ลงกันหลายคน
๑๖.๔๓ น. สถานีพิชัย มีนักเรียนโรงเรียนพิชัยขึ้นมาเต็มรถ
๑๗.๐๓ น. สถานีหนองตม นักเรียนลง ชาวบ้านขึ้น มีครูแต่งตัวเต็มยศนั่งหลับ
๑๗.๑๐ น. ถึงสถานีพรหมพิราม ครูนั่งหลับลง มีผู้โดยสารผู้หญิงและเด็กขึ้นมาอีก
๑๗.๒๐ น. สถานีแควน้อย มีผู้โดยสารขึ้นมาอีกนิดหน่อย
๑๗.๒๕ น. ถึงสถานีบ้านตูม
๑๗.๓๐ น. สถานีบ้านเต็งหนาม รถจอดรอสับหลีก
๑๗.๓๖ น. ถึงสถานีพิษณุโลก มีคนขึ้นมาก มองไปทางไหนเห็นแต่คนก้มหน้าเล่นโทรศัพท์และ tablet
๑๗.๔๔ น. ถึงสถานีบึงพระ
๑๗.๕๐ น. ถึงสถานีบ้านใหม่
๑๗.๕๘ น. ถึงสถานีแม่เทียบ
๑๘.๐๐ น. ถึงสถานีบางกระทุ่ม มีคนขึ้นมาอีก รถสับหลีกกับรถกรุงเทพ-พิษณุโลก
๑๘.๑๕ น. ถึงสถานีท่าฬ่อ มีคนขึ้น ๒ คน พระอาทิตย์เริ่มตกดิน
๑๘.๒๐ น. ถีงสถานีพิจิตร คนลงเกือบ ๑๐ คน ขึ้นก็พอกัน มีสองคนใช้ไม้เท้า
๑๘.๓๒ น. ถึงสถานีวังกรด สถานีนี้มีป้ายชื่อเป็นภาษาอังกฤษ
๑๘.๓๘ น. สถานีหัวดง คนลง ๓ คน
๑๘.๔๕ น. สถานีห้วยเกตุ สถานีเล็ก ๆ ไม่มีคนขึ้นลง
๑๘.๕๑ น. สถานีตะพานหิน
๑๘.๕๙ น. สถานีดงตะขบ
๑๙.๐๖ น. สถานีหอไกร
๑๙.๑๒ น. สถานีบางมูลนาก
๑๙.๒๑ น. สถานีวังกร่าง มีรถรอสับหลีก
๑๙.๓๐ น. สถานีชุมแสง
๑๙.๓๗ น. สถานีคลองปลากด

รถไฟวิ่งถึงปลายทางที่สถานีนครสวรรค์เวลา ๒๐.๑๐ น.  ผมแบกเป้ลงจากรถ!

คิดถึงตอนเดินทางไปสถานีห้างฉัตร บนไม้กระดานแผ่นแรก ผมเกือบตกน้ำป๋อมแป๋มเหมือนลีน่าจังซะแล้ว!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น