เมื่อก้าวจากรถไฟลงสู่ชานชาลาสถานีนครสวรรค์ ผมมีความรู้สึกคล้ายกับได้มาเยือนบ้านเก่าอีกครั้ง อบอุ่น ปลอดภัย และไร้กังวล!
เคยมาต่อรถไฟที่นี่แล้ว ตอนนั้นกลับจากทริป "Freight train to Singapore" ผมนั่งรถไฟฟรีจากหัวลำโพงมาลงนครสวรรค์ เช่าห้องพักนอน ๑ คืนเพื่อรอขึ้นรถไฟฟรีกลับเชียงใหม่ตอนเช้ามืด! วันนี้รอขึ้นรถเร็วขบวน 108 (เด่นชัย-กรุงเทพ) ไปลงสถานีดอนเมือง กำหนดรถเข้าคือ ๐๐.๓๓ น. ถึงดอนเมืองเวลา ๐๔.๑๐ น. ผมต้องรออยู่ที่นี่เกือบ ๔ ชั่วโมง!
ท้องเริ่มหิว! ผมยังติดใจรสมือของ "เฮียโก๊ะ" อาหารตามสั่งหน้าสถานีรถไฟนครสวรรค์อยู่ไม่คลาย แค่ก้าวออกจากสถานีก็น้ำลายสอแล้ว! แต่ยังก่อน ๆ (เลียนแบบคำพูดของแม็คซิมัสในหนังเรื่อง Gladiator) ขอเดินออกกำลังขา(เส้นสีเหลือง)ไปตามถนนคอนกรีต ๔ เลนซึ่งมาแทนถนนราดยางในอดีตหน่อย ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด ผมเห็นร้าน 7-11 ซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมมีลูกค้าเดินเข้าออกแทบไม่ขาดสาย...
๒ ทุ่มได้เวลาไปหาเฮียโก๊ะ...
ปลาผัดกระเพราราดข้าวพร้อมไข่ดาว ๑ ฟอง (๔๐ บาท) อร่อยมั่ก ๆ
ตอนเอาเงินไปจ่าย เฮียโก๊ะถามว่าจะไปไหนเมื่อเห็นเป้ใบเล็กของผม พอได้ยินว่าจะไปเวียดนาม พ่อครัวกระทะเหล็กอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าจะไปได้อย่างไร ผมอธิบายว่าต้องขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองไปลงฮานอยโน่น...
อิ่มท้องแล้ว ผมเดินข้ามถนนไปยังร้าน 7-11 ซื้อน้ำดื่มขวดและขนมปังติดมือไปเป็นเสบียงด้วย...
จากนั้นก็เดินกลับไปยังสถานีรถไฟ นั่งเขียนไปรษณียบัตร ๒ ฉบับ หย่อนลงตู้ ส่งไปให้คุณเมธีและคุณหมอพรเทพ...
เห็นเครื่องชั่ง ผมอดไม่ได้ที่จะเอาเป้ขึ้นชั่ง ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแค่ ๖ กิโล!
เค้ายังไม่เปิดจำหน่ายตั๋ว ผมเดินข้ามทางรถไฟ ไปยังชานชาลาซึ่งอยู่ตรงกลาง...
เห็นม้ายาวสำหรับผู้โดยสาร ผมยังสงกะสัยอยู่ว่าหน้าแคบอย่างนั้นจะอาศัยนอนได้รึ?
ได้หรือไม่ได้ก็ขอนอนก่อนล่ะ หุหุ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่ารถไฟจะมา...
ผมสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่มีขบวนรถขาขึ้นวิ่งเข้าเทียบชานชาลา มีทั้งรถด่วนและรถด่วนพิเศษที่มีตู้นอนและตู้ปรับอากาศ!!
อย่างเนี้ยหรือเปล่าที่เค้าเรียกว่า "สปรินเทอร์"? <em> (ชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้ขึ้น อิอิ) </em>
หลับ ๆ ตื่น ๆ นอนรอไปเรื่อย ๆ จนถึงเที่ยงคืนเมื่อห้องขายตั๋วเปิด ผมล้างหน้าด้วยน้ำในขวด สลัดความมึนงง แต่งตัวให้เข้าที่แล้วแบกเป้เดินข้ามทางรถไฟไปยังห้องจำหน่ายตั๋ว รถไฟขบวน 108 ไม่ฟรี แต่ก็ได้ลดในฐานะที่อยู่ดูโลกมาเกิน ๖๐ ปี ค่าโดยสารชั้น ๓ (นครสวรรค์-ดอนเมือง) จาก ๙๔ บาทเหลือ ๗๕ บาท ซื้อตั๋วได้แล้วผมก็ไปนั่งรอที่ชานชาลา
๐๐.๔๕ น. ขบวนรถเร็ว 108 เข้าเทียบ ผมโหนตัวขึ้นรถอย่างคล่องแคล่ว พอดีมีที่นั่งว่างเยอะ ผมเลือกนั่งคนเดียว เหยียดแข้งเหยียดขาได้สบาย พอรถเคลื่อนออก... ผมก็ปรับสวิชสมองไปอยู่ในโหมด "Sleep" ไม่นานนักก็หลับสนิท...
สะดุ้งตื่นเมื่อรถเข้าจอดสถานีป่าหวาย ผมเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วนั่งรับลมไปเรื่อย ๆ ยังคงหลับ ๆ ตื่น ๆ ตอนเข้าอยุธยา มาตื่นอีกทีเมื่อถึงรังสิต ผมเตรียมตัวลง...
เห็นสนามบินดอนเมืองทางด้านซ้าย ผมยกเป้ขึ้นหลัง ตรวจสอบว่าไม่หลงลืมอะไรไว้บนเบาะแล้วเดินไปที่ประตู...
รถจอดที่สถานีดอนเมือง ผมลงทางด้านซ้าย แล้วเดินตรงไปขึ้นสะพานลอยซึ่งเชื่อมต่อไปยังสนามบิน...
ค่อนข้างจะชำนาญเส้นทางนี้... ผมก้าวเดินด้วยความมั่นใจ
ในที่สุดก็ถึงปลายทาง ทางด้านซ้ายเป็นลิฟท์ ด้านขวาเป็นบันได ผมเลือกด้านซ้าย เดินเข้าลิฟท์แล้วกดปุ่ม 3
ประตูปิด... ลิฟท์พาผมขึ้นไปยังอาคารผู้โดยสาร ผมเดินผ่านกระดานไม้แผ่นที่ ๓ มาแล้ว!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น