วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลาก่อนเสียมเรียบ!

มีตั๋วรถกลับเมืองไทยเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๙  เย็นวันนั้นผมกลับไปจ่ายเงินล่วงหน้าให้ Velkommen Guesthouse อีก $6 สำหรับการอยู่ต่ออีก ๑ คืน แผนการเดินทางของผมลงตัวหมดแล้ว คือวันที่ ๒๕ ปั่นจักรยานไปนครวัด-นครธม.. วันที่ ๒๖ ไปโตนเลสาบ เช้าวันที่ ๒๗ เช็คเอ้าท์แล้วรอรถจากบริษัท Capitol Tours มารับที่หน้าโรงแรม...


ผมบันทึกไว้ว่า...
วันนี้เป็นอีกวันที่ยอมรับว่าเครียด!  เกรงว่าจะตกรถไปปอยเปต เพราะรถ pick-up ไม่มารับ ...สารพัด!
ตื่นก่อน ๖ โมง เก็บของลงเป้ในความมืด (ใช้ไฟฉายจากมือถือ) ตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรหลงลืม - รินน้ำดื่มใส่ขวดเล็ก - ชุดเดินทางคือ กางเกงขาสั้น เสื้อจิงโจ้ เสื้อเชิ้ตลายแขนสั้น
ออกจากห้องอย่างเงียบกริบ - นำเป้ลงมาที่เคาน์เตอร์ - คืนกุญแจเพื่อเช็คเอ้าท์ - นั่งรอเวลาที่โซฟาข้างโต๊ะสนุกเกอร์ - พนักงานมาทำถูพื้น - ฝรั่งชายหญิงลงมากินอาหารเช้า - ตัวเองไม่ได้กินอะไร - เหลือเงิน ๓,๐๐๐ เรียล

๗.๐๐ น. ผมหิ้วเป้ไปยืนรอรถที่หน้าโรงแรมด้วยใจกังวล!


ยิ่งอาทิตย์ขยับตัวสูงขึ้น หัวใจของคนแก่ก็ยิ่งถูกบีบคั้น...ในแต่ละนาทีที่ผ่านไป


คิดในใจว่ารถจะต้องวิ่งจากด้านซ้ายมือมาจอดรับ ผมมองดูป้ายโรงแรม...หวังว่าคนขับคงรู้ว่ามีผู้โดยสารรออยู่ที่ Velkommen หนึ่งคน


เวลา ๗ โมงกว่า ๆ มีรถตู้อย่างดีของบริษัททัวร์มาจอดรับฝรั่งสองผัวเมีย นั่นยังไม่ใช่รถที่ผมกำลังรอ! อีกพักเดียวก็มีรถตู้สีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานหน้าโรงแรม เห็นอักษรข้างรถเขียนว่า "Capitol Tours"... ผมรู้ทันทีว่าคันนี้แหละที่จะมารับ


ผมคงเป็นผู้โดยสารคนแรกในลิสต์...


คนขับบอกให้ผมขึ้นนั่งหน้า... นำเป้ของผมไปวางไว้ตรงกลาง


ผมรู้สึกโล่งอก อยากจะถอนหายใจยาว ๆ เมื่อรถพาออกจาก Velkommen Guesthouse....


ไปแวะรับผู้โดยสารตามเกสต์เฮ้าส์และโรงแรมอื่น ๆ...


ระหว่างที่คนขับลงไปตามผู้โดยสาร ผมมองเห็นใบรายชื่อที่เค้าวางไว้ข้างหน้า


คนขับรถใจเย็น ขับดี ไม่เร่งรีบ ได้ผู้โดยสารครบแล้วก็วิ่งไปยังท่ารถของบริษัท Capitol Tours...  ถึงที่นั่นก่อน ๘ โมง


ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า "ปอยเปต - แบงค็อก" ในขณะก้าวลงจากรถตู้...ผมรู้สึกดีใจ!   อย่างน้อยก็ได้ผ่านไปได้อีก ๑ ขั้นตอน  นั่นไง...บัสคันสีขาวมีป้ายบอกไว้ชัดเจน



ผมให้เค้าเก็บเป้ไว้ใต้ท้องรถแล้วก้าวขึ้นรถ  เจ้าหน้าที่ฉีกต้นขั้วตั๋วไว้... แล้วบอกให้ผมเดินไปนั่งเก้าอี้หมายเลข 13


รถออกตรงเวลา ผมรู้สึกตัวเบาหวิวขณะที่รถเคลื่อนตัวออกจากท่ารถ...


ลาก่อนเสียมเรียบ!

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

ปั่นจักรยานในเสียมเรียบ - จองตั๋วรถกลับกรุงเทพฯ


บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเดินรถระหว่างกรุงเทพฯ - ปอยเปต - เสียมราฐ  ระยะทาง ๔๑๙ กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่ง ๗ ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ ๗๕๐ บาท  แต่ผมเดินทางจากเสียมราฐถึงกรุงเทพ (ลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) เสียค่ารถแค่ ๓๕๐ บาท ($10) เท่านั้น!  เป็นรถของบริษัท Capitol Tours หนึ่งในบริษัทเดินรถของเขมรครับ


เย็นวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๙... ผมปั่นจักรยานไปทาง Pub Street แล้วไปเจอเข้ากับ office ของบริษัท Capitol Tours บนถนนหมายเลข 09...

ภาพจาก google street view
รถโดยสารของบริษัทนี้ ผมเคยนั่งมาแล้วครั้งหนึ่งตอนเดินทางจากพระตะบองไปปอยเปต รู้มาว่าเป็นรถบัสปรับอากาศธรรมดา ๆ ซึ่งเทียบไม่ได้กับรถทัวร์บ้านเรา ค่าโดยสารไม่แพงแต่สภาพรถค่อนข้างเก่า บริษัทนี้ได้รับเสียงบ่นพอประมาณจากนักท่องเที่ยว สำหรับผมนั้นพอรับได้ เห็นป้ายโฆษณาที่ว่า Best Price นั้นโอเคเลย...แต่ Best Services คงจะไม่จริง!


ผมจอดจักรยานแล้วเข้าไปสอบถามพนักงานสาว ได้ความว่ามีรถโดยสารเสียมเรียบ - ปอยเปต - กรุงเทพ ออกทุกวัน เวลา ๘ โมงเช้า ค่าโดยสาร $10  สมองผมทำหน้าที่เครื่องคิดเลขตีซะว่า ๓๕๐ บาท...ถึงกรุงเทพฯ! ถูกเว้ย! ที่สำคัญคือมีบริการไปรับถึงที่พักด้วย...

ผมตัดสินใจซื้อตั๋วรถกลับกรุงเทพฯ ไว้ก่อนเลย เป็นงงอยู่เหมือนกันในเรื่องวันเดินทาง ทีแรกบอกว่าวันที่ ๒๖ แต่มาคิดอีกทีว่าวันพรุ่งนี้มีโปรแกรมไปนครวัด มะรืนไปโตนเลสาบ งั้นก็ต้องเป็นวันมะเรื่องซิ  นับนิ้วก็แล้ว...ผมยังต้องเอาปากกาออกมาเขียนบนฝ่ามือ จนแน่ใจว่าเป็นวันที่ ๒๗ จึงค่อยบอกให้สาวขะแมร์เปลี่ยนวันให้ ผมจ่ายค่าโดยสาร $10 ด้วยเงินเขมร ๔๐,๐๐๐ เรียล เธอเขียนตั๋วให้แล้วบอกว่าให้ไปที่นั่นก่อน ๗.๓๐ น. ผมถามว่ามีรถไปรับถึงโรงแรมมิใช่เหรอ?  เธอขอชื่อโรงแรมและหมายเลขห้องพัก ผมบอกว่า "Velkommen - Room 102"  เห็นเธอทวนชื่อโรงแรมแล้วจดลงในแผ่นตารางที่นั่ง คงเป็นภาษาเขมร...ผมไม่มั่นใจว่าจะถูกหรือเปล่า?


ได้ตั๋วมาแล้ว... ผมพับเก็บไว้อย่างดีในกระเป๋าตังค์ คิดในใจว่าอีกตั้งหลายวัน...เค้าจะไปรับเราที่โรงแรมหรือเปล่าน้า?  ถ้าไปรับผิดที่..จะทำอย่างไร?  ก่อนเดินจากมาผมพูดว่า "Don't forget to pick me up, please!"  แม่สาวไม่ว่าอะไร...ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม!

หุหุ... อีก ๓ วันคงต้องลุ้นกันอีกที!

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

ปั่นจักรยานในเสียมเรียบ - วัดเหนือ นครวัด


หลังจากเที่ยวชมนครวัด (Angkor Wat) จนเต็มอิ่ม... ผมเดินออกทางประตูด้านหลัง (ทิศตะวันออก) (1)




มายืนตรงจุดที่มีต้นไม้ร่มรื่น... ผมมองเห็นภาพปราสาทสาดส่องด้วยแสงอาทิตย์ยามสาย



ผมเดินกลับไปตามถนนรอบนอกซึ่งขนานไปกับแนวรั้วด้านข้างนครวัด...





ออกมาถึงจุดซึ่งเป็นร้านค้าและบริเวณริมสระที่ผู้คนมายืนชุมนุมกันตอนเช้ามืด ....



ด้านขวามือมีวัดอยู่วัดหนึ่ง (2) ผมอยากจะเรียกชื่อว่า "วัดเหนือ" (มั่วตั้งชื่อเอาเองอีกแย้ว.. ฮา) เดินเข้าไปก็พบกับศาลาหมอชีวก (3) (หากเข้าใจผิด ก็ต้องขออภัย)


ถัดไปเป็นพระอุโบสถ (4)  รูปทรงเหมือนกับวัดเขมรอื่น ๆ




ดูเหมือนว่าใบเสมาจะไม่ยึดติดกับที่...



มีกลองสำหรับตีเรียกภิกษุมาทำสังฆกรรม...


ด้านหลังมีเจดีย์...


และสถูปมากมาย ตามสไตล์วัดเขมร...


ศาลาการเปรียญมั้ง?


อยู่ข้างพระอุโบสถ (4) คือ วิหารหลังเล็ก (5) เป็นที่ ๆ ชาวบ้านมาทำบุญและร่วมในศาสนพิธี...


วิหารโล่งกว้างครับ เข้าไปดูได้...



ห้องน้ำอยู่ตรงมุม (6) มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวเกาหลียืนออรอกันอยู่ ค่าบริการคนละ ๑,๐๐๐ เรียล หรือเกือบ ๑๐ บาท!

ได้เวลาเดินทางต่อแล้วกั๊บ!

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

ปั่นจักรยานในเสียมเรียบ - นาทีที่ต้องลุ้น


เช้าวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ ผมขี่จักรยานฝ่าความมืดไปยังนครวัด (Angkor Wat)  แล้วบันทึกย้อนหลังไว้ว่า...
ถึงนครวัด ยังมืดอยู่ มองไม่เห็นอะไร - แวะไปถามชายคนหนึ่ง เค้าชี้บอกว่านครวัดอยู่ทางไหน - จูงจักรยานไปที่หน้าบูธแห่งหนึ่ง คนเขมรบอกว่าจอดจักรยานที่นั่นได้ - นำจักรยานพิงเสาแล้วคล้องโซ่ล็อคไว้ด้วยกุญแจ เก็บดอกไว้ในกระเป๋าคาดเอว...
เดินหลงทิศ แต่ก็กลับไปยังจุดที่มีผู้คนมากมายได้ - เดินตามขึ้นบันได - มองอะไรไม่เห็น - ต้องใช้ไฟฉายส่องทาง - ถึงจุดตรวจ - ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่ตรวจ - เดินตามขบวนไปเรื่อย ๆ - นึกขอบคุณคุณบิมที่ให้ไฟฉายมา - ตอนแรกยังไม่เห็นปราสาทนครวัด - เดินตามไปจนถึงจุดที่มีคนยืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้น - เต็มหมดแล้ว ไม่มีพื้นที่ให้เข้าไปยืนอยู่ด้านหน้า - นั่งรออยู่ด้านหลัง บนพื้นหญ้า ริมทางลูกรัง ข้าง ๆ ต้นตาล....
ในที่สุดผมก็ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด...



มีโอกาสได้ขึ้นไปจนถึงบนยอดปราสาท...


ไปออกทางด้านหลัง...


แล้วเดินอ้อมด้านข้าง กลับออกมาที่ร้านค้า ได้กลับมายืนตรงจุดที่ยืนอยู่ในความมืดเมื่อเช้านี้...


ข้างหน้านั่นคือบริเวณที่มีผู้คนยืนอยู่เต็มไปหมดเมื่อ ๕ ชั่วโมงที่แล้ว...


ที่นี่คือจุดที่ผมยืนใช้กล้องถ่ายรูปแนบติดกับต้นตาลบันทึกภาพนครวัดยามรุ่งอรุณ...


ได้เวลาไปนครธมแล้ว ผมเดินออกจากนครวัด...สวนทางกับนักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาถึง


ข้ามสะพาน


ออกมาแล้ว ผมหันกลับไปถ่ายภาพจุดที่มีเจ้าหน้าที่ยืนตรวจบัตร...



จากจุดนี้ผมยังไม่รู้แนชัดว่าเมื่อเช้ามืดวันนี้ได้จอดรถไว้ตรงไหน?????  รู้แต่ว่าในความมืด ผมนำมันไปมัดไว้กับเสา ตอนนี้ผมต้องเดินหาว่าจักรยานอยู่ตรงไหน? มันจะยังอยู่ที่เดิมหรือไม่?? เป็นนาทีที่ผมต้องลุ้นแล้วล่ะ

เจอแล้ว!!  นอนแอ้งแม้งอยู่นั่นไง  รู้สึกดีใจที่จักรยานยังอยู่...ผมเดินตรงไปยืนข้าง ๆ  รูดซิปเปิดกระเป๋าคาดเอวซึ่งมีหลายช่องเพื่อหาดอกกุญแจ หัวใจผมเริ่มเต้นแรงเพราะเปิดดูทุกช่องแล้วก็ยังไม่เจอ!


แล้วจะปลดล็อคได้อย่างไร? ยุ่งแล้วซิเรา!