วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

FB Trip ไปมะละกา - KTM Rakyat Timuran Express Train 27

หกโมงเย็น...เทวดาเมืองปาเซมัสเริ่มปรับลดแสงสว่างบนท้องฟ้า!


รถด่วน Rakyat Timuran 27 เป็นขบวนรถไฟที่บริการรับส่งผู้โดยสารจากเหนือลงใต้ (Tumpat - Johor Bahru) ตามเส้นทางฝั่งทะเลด้านตะวันออก (East Coast Line) ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "Jungle Railway"  หัวใจผมเต้นแรงขึ้น บอกตัวเองว่าอีกไม่นานรถไฟขบวนที่รอก็จะเข้าเทียบชานชาลา มองออกไปไกลสุดทางรางรถไฟ หวังว่าไม่ช้าคงได้เห็นหัวรถจักรโผล่ออกมา!


มีตั๋วอยู่ในมือแล้ว ก็ยังไม่รู้นะว่าเจ้ารถไฟขบวนนี้จะเป็นเช่นไร ผมค้นดูข้อมูลภายหลังทราบว่าในขบวนรถไฟมีตู้อยู่ ๓ ประเภทคือ Superior Night (ADNS), Premier Class (AFC) และ Superior Class (ASC) 

KTM Rakyat Timuran Express Train - ภาพจากอินเทอร์เน็ต

ไปยืนรออยู่ตรงกับตำแหน่งตู้ที่บอกไว้บนตั๋ว รถไฟมาตรงเวลา พอจอดสนิท ผมก็ต่อคิวหิ้วจักรยานและสัมภาระขึ้นรถ รู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าข้างบนเป็นตู้นอนติดแอร์เย็นเฉียบ หรือว่าเราจะขึ้นรถผิด?  ผมหันไปถามผู้โดยสารชาวมาเลย์ ขอให้เค้าช่วยดูตั๋วอีกทีว่าใช่ขบวนนี้หรือเปล่า? ขบวนนี้แหละ...ตู้นี้ด้วย!


ยังไม่ทันตั้งตัวดี รถไฟก็เคลื่อนตัวออกจากสถานี แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะได้โดยสารรถไฟตู้นอนชั้นนี้ไป Gemas!  เดินไปยังที่นอนตามหมายเลขบนตั๋วซึ่งอยู่ชั้นบน...ผมเอาเป้ขึ้นวางไว้!


ตั้งจักรยานไว้บนพื้น ใกล้ ๆ ตัว


ว้าว... แทนที่จะได้นั่งชั้นสาม ผมกลับมาได้นอนบนนี้ ทำไมรถไฟมาเลเซียถึงได้ถูกจังเลย? 


ถ้าเป็นรถนอนของ รฟท. กรุงเทพ-เชียงใหม่ค่าโดยสารก็ตก ๕-๖๐๐ บาท!


ผมปีนบันไดขึ้นไปนอนอยู่ข้างบน รูดม่านปิด แล้วนอนอมยิ้ม ฝันถึง FB Trip ครั้งนี้!  ไม่นานนักก็มีนายตรวจเดินมาถามว่าจักรยานใคร ผมเปิดม่านโผล่หน้าไปเห็นนายตรวจแต่งตัวเต็มยศ เค้าถามว่ายูไม่ได้แจ้งว่ามีจักรยานมาด้วยหรือ? ผมฝืนยิ้มแล้วบอกว่าต้องขอโทษด้วย ไม่รู้จริง ๆ คิดว่าจักรยานพับขึ้นรถไฟไม่ต้องเสียตังค์เหมือนที่เมืองไทย ผมยินดีจ่ายเพิ่มนะ...เท่าไหร่ก็ขอให้บอก เจ้าหน้าที่แค่ตรวจตั๋ว จดหมายเลขที่นอนแล้วให้ผมรอ บอกว่าต้องไปสอบถามหัวหน้าก่อน คิดว่าน่าจะประมาณ ๑๐ ริงกิต

นายตรวจจากไปแล้วผมก็ปิดม่าน นอนมือก่ายหน้าผากคิดว่ามันจะเหมือนเมืองไทยหรือเปล่าน้า? เคยเห็นเจ้าหน้าที่ รฟท. ช่วยฝรั่งยกจักรยานเสือภูเขาขึ้นรถแล้วรับเงินสดไปคันละ ๑๐๐ โดยไม่มีใบเสร็จให้ แบบเดียวกับที่เก็บตังค์จากคุณป้าผู้อุ้มหมาขึ้นรถมาด้วยแล้วจากไป ผมไม่แน่ใจว่าเงินพวกนั้นจะเข้าองค์กรหรือเปล่า?  (หากเข้าใจผิดก็ต้องขออภัย)  บนรถไฟมาเลเซียขบวนนี้ก็เช่นกัน คิดอยู่เหมือนกันว่าบางทีนายตรวจอาจจะแกล้งหายไปสักพักแล้วค่อยกลับมาเรียกเก็บตังค์...ผมเตรียมแบ้งค์ ๑๐ ริงกิตใบใหม่เอี่ยมไว้รอ

นานกว่าครึ่งชั่วโมง เจ้าพนักงานรถไฟอาวุโส (แต่งตัวเต็มยศอีกเช่นกัน) ก็มายกจักรยานขึ้นตรวจสอบน้ำหนักแล้วออกใบกำกับให้ โดยเรียกเก็บค่าระวาง ๑๐ ริงกิต บอกด้วยว่าถ้าใครถามก็ให้แสดงใบเสร็จให้ดู ! ชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริตของเจ้าหน้าที่รถไฟมาเลเซีย...ผมรู้สึกพอใจมาก คิดว่าการเดินทางด้วยจักรยานพับ (FB Trip) ในประเทศนี้ ถ้าถูกเก็บค่าระวางรถจักรยานพับไม่แพงอย่างนี้ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักท่องโลกกระเป๋าแฟบอย่างผม! ตาแก่เมืองรถม้านอนหลับสบายทั้งคืน รู้สึกหนาวเย็นจนต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว...


เนื่องจากไม่ได้ไปลงปลายทางที่โจโฮร์บะฮ์รู (Johor Bahru) ผมต้องตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า...


ลงไปเข้าห้องน้ำ แค่ empty my bladder และล้างหน้าแปรงฟัน...


เรียบร้อยแล้วก็พาเจ้า Banian มานั่งรออยู่ตรงประตู... 




มองออกไปข้างนอก ยังมืดอยู่เลยครับ! 

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

FB Trip ไปมะละกา - สถานีรถไฟ Pasir Mas

๘ เมษายน ๒๕๖๑... ผมปั่นจักรยานถึงสถานีรถไฟ Pasir Mas เวลา ๑๔.๑๓ น.



สำหรับผมขอให้มีปากและจักรยาน การเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ยากแล้ว ผมไม่ต้องอาศัยจีพีเอส ไม่ต้องพกแผนที่หรือมี google maps...แค่สอบถามชาวบ้านว่าสถานีรถไฟไปทางไหน แล้วปั่นไปเรื่อย ๆ


ในที่สุดก็เห็นสถานีรถไฟปาเซมัส (Pasir Mas Railway Station) ซึ่งมีรูปแบบของอาคารและชานชาลาคล้ายกับสถานี Wakaf Bharu ทั้งรูปทรงและสีสัน...


เคยใช้บริการรถไฟมาเลเซียมาแล้ว ผมจึงรู้สึกคุ้นเคยและค่อนข้างคล่องตัว...ไปถึงก็นำจักรยานเข้าจอดพับตั้งแอบไว้


เดินไปที่เคาน์เต้อร์จำหน่ายตั๋ว สอบถามถึงรถไฟเที่ยวกลางคืนที่จะไป Gemas


คนขายตั๋วที่นี่เป็นชาย (ที่ Wakaf Bharu เป็นหญิง) ผมบอกว่าขอซื้อตั๋วรถกลางคืน (night train) ไปลง Gemas 


ซื่อบื่อจริง ๆ ผมดันบอกว่าขอ third class เพราะจิตยึดติดกับตอนที่นั่งรถไฟจาก Wakaf Bharu ไป Kaula Krai  คนขายตั๋วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ออกตั๋วให้ในราคา ๓๔ ริงกิต เป็นรถขบวน 27 (Tumpat - Jahor Bahru) เข้าเทียบชานชาลาเวลา ๑๘.๓๒ น....



ลืมบอกเพื่อน ๆ ไปว่าทริปนี้ผมไม่ต้องแลกเงินริงกิต เพราะยังมีเหลือจากทริปก่อนอีกไม่น้อย   


คิดจากอัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น ค่าโดยสารรถไฟจาก Pasir Mas ไป Gemas  (๑๒ ขั่วโมง) ตกประมาณ ๓๐๐ บาท ก็ไม่แพงนะครับ! 


ได้ตั๋วมาแล้ว ผมก็ยังคงคิดว่าเป็นรถนั่งธรรมดา ๆ แบบที่เอาจักรยานขึ้นไว้บนชั้นวางสัมภาระได้ ไม่ได้บอกคนขายตั๋วว่ามีจักรยานพับ ตั้งใจว่าเอาขึ้นรถก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่างมากก็คงแค่จ่ายค่าระวางเพิ่มบนรถ  มีเวลาหลายชั่วโมง...ถ้าจะปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมือง (เหมือนกับที่ไปรอขึ้นรถไฟที่สถานีเด่นชัย) ก็ทำได้ แต่คิดว่า Pasir Mas คงไม่มีอะไรน่าสนใจ อยากจะนั่งพักมากกว่า ผมนำเป้มาวางไว้ที่รอผู้โดยสารแล้วนั่งรอ... 


นั่งมองอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็หยิบกล้องมาซูมเก็บภาพที่เห็นไกล ๆ หรือไม่ก็ใกล้ตัว...











มันคือวิธีปรับเปลี่ยนความทุกข์จากการรอคอยให้มาเป็นความสุขของตาแก่เมืองรถม้า

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

FB Trip ไปมะละกา - just a short ride

๒๑.๕ กิโลเมตร... จากรันเตาปันจังถึงสถานีรถไฟปาเซมัส นับได้ว่าเป็นการขี่จักรยานระยะสั้น ๆ ของผมเมื่อวันที่  ๘ เมษายน ๒๕๖๑



จากมัสยิด Pusat Tarbiyah PAS (Rantau Panjang) ล้อจักรยานหมุนอีก ๓.๗ กิโลเมตรก็ถึง Bandar Baru Pasir Mas (1)


ด้านซ้ายเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่และสถานที่ราชการในท้องถิ่น...


ตั้งอยู่ด้านหน้าเป็นอาคารพาณิชย์สีสันสดสวย มีทั้งร้านค้า สถานบริการ และร้านอาหาร...


ด้านขวาเป็น Mara Skill Training College


ผมเริ่มกังวลว่ากำลังจะเจอสถานีรถไฟปาเซมัส...หรือว่ากำลังจะหลงออกนอกทาง?


พอเห็นป้ายเส้นทางรถไฟอยู่ข้างหน้า... ผมก็โล่งใจ แสดงว่าอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟปาเซมัสแล้ว!


คิดถึงตอนที่ปั่นจักรยานจากสถานีบ้านปินไปสถานีเด่นชัย ผมปั่นลุยแข่งกับเวลาไปในความมืด พอได้ข้ามทางรถไฟก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก...วันนี้ก็เช่นกัน! 



ในที่สุดก็ถึงเมืองปาเซมัส (Pasir Mas) เวลาประมาณบ่ายสอง...





Just a short ride... it was!

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2561

FB Trip ไปมะละกา - หออะซาน


จากสถานีตำรวจรัฐบาลกลาง (UPP Cabang Empat Salam) ผมขี่จักรยานต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 3  ประมาณ ๕ กิโลเมตรครึ่ง เห็น "หออะซาน" ของมัสยิดเลื่อนเข้ามาแต่ไกล!

ภาพจาก google street view - thanks!

สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนกล่าวว่า...
หออะซาน (หอคอยประกาศเรียกละหมาด) เป็นสถานที่สำหรับให้ผู้ประกาศเวลาละหมาด หรือที่เรียกว่า มุอัซซิน ขึ้นไปอะซานให้ได้ยินไปไกลที่สุด การอะซานเป็นการเรียกให้มาละหมาด เมื่อถึงเวลาละหมาดประจำวัน วันละ ๕ เวลา เมื่อได้ยินเสียงอะซาน หรือการประกาศให้ทราบว่า เข้าสู่เวลาละหมาด ผู้ที่ได้ยินก็จะมาละหมาดร่วมกันที่มัสยิด พื้นที่ที่อยู่ในรัศมีเสียงอะซาน จึงมักเป็นตัวกำหนดขอบเขตพื้นที่ของชุมชน หออะซานมักสร้างเป็นหอสูงที่มีรูปทรงที่โดดเด่น และเป็นสัญลักษณ์ของมัสยิด ที่มองเห็นได้ในระยะไกล
หยุดถ่ายภาพไว้หน่อย ชอบครับ...ซุ้มประตูไม่จำเป็นต้องอลังการเหมือนวัดไทย


มีหออะซาน ๒ หอ...


ซูมจับภาพข้างบนยอดหอไว้ด้วย...


ใน google maps เขียนบอกว่าเป็น "มัสยิด Pusat Tarbiyah PAS Rantau Panjang"



ผมหันกล้องมาจับภาพทางหลวงหมายเลข 3 ที่มุ่งหน้าไป Pasir Mas เมื่อเวลา ๑๒.๓๘ น. ก่อนที่จะออกแรงปั่นจักรยานพุ่งออกไป... 


เที่ยงครึ่งแล้วครับ! แดดเปรี้ยงเชียว...