วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

ปั่นหนัก

เมื่อ ๓-๔ วันก่อนได้คุยเรื่องการปั่นจักรยานกับคุณลุงสมชายในบอร์ด “คุยกะลุงน้ำชา” คนวัยเดียวกันและชอบเรื่องจักรยานเหมือนกันก็เลยคุยกันสนุกไปเลย ลุงสมชายได้เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องหยุดปั่นจักรยานไว้ชั่วคราวก่อนดังนี้….
ปั่นหนัก… ครั้งแรกก็ปั่นเทอดพระเกียติในหลวง จาก เชียงใหม่เข้า กทม. ครั้งที่ 2 ปั่นท้าทาย จากลพบุรีไปเริ่มปีนที่ตากตลอดแนวเขาไปทะลุแม่ฮ่องสอนเข้าเชียงใหม่ ครั้งที่ 3 ปั่น 5 แผ่นดินเทอดพระเกียรติในหลวงอีก ปั่นจากหาดใหญ่ขึ้นเชียงรายครับ หลังเมื่อปลายปี 2553 ปั่นกะคนเกษียณอายุ ปั่นรอบตะเข็บชายแดนสุดทางที่ดอยอินทนนท์ แต่ผมจบได้แค่ที่เลย…แล้วก็เดี้ยงมาตลอดจนปัจจุบันนี้ อาการก็คือบริเวณหลังข้อพับใต้เข่าเวลาพับแล้วจะเจ็บ ถ้าใช้มือคลำบีบจับจะไม่รู้สึกเจ็บ ยากิน ยานวดเอาไม่อยู่ครับ ตอนนี้ใช้วิธีเอาผ้ายืดพันประคองก็ดีขึ้นมาหน่อย…
ผมขอเอาใจช่วยลุงสมชาย ขอให้หายไว ๆ นะครับ จะได้เริ่มออกปั่นได้อีก…

อ่านจากที่ลุงสมชายเล่า คิดว่าเป็นการปั่นที่หนักมาก ๆ ผมไม่เคยปั่นอย่างนั้นมาก่อน การปั่นเป็นหมู่คณะทำให้ต้องเกาะกลุ่มเข้าไว้ บางครั้งร่างกายอาจจะไปไม่ไหว แต่ก็ต้องฝืนปั่นเพื่อทำเวลาและให้ได้ระยะทางที่กำหนด ผมเคยแต่ปั่นคนเดียว ค่ำที่ไหนก็แวะจอดตั้งเต็นท์ข้างทางที่นั่น ไม่รีบร้อน ไม่กำหนดว่าจะต้องทำให้ได้เท่านั้นเท่านี้กิโลเมตร เท่าที่ผ่านมาจึงไม่เกิดอาการเจ็บกล้ามเนื้อจนถึงกับทำให้ปั่นต่อไม่ได้….

วันก่อนคุยกับครูหนิงว่าเส้นทางปั่นจักรยานไปหลวงพระบางประมาณ ๒ ร้อยกว่าโล ครูหนิงซึ่งยังหนุ่มแน่นและฟิตเปี๊ยะออกความเห็นว่า “งั้นปั่นวันเดียวก็ถึง” หุหุ สำหรับระยะทางขนาดนั้น…ลุงน้ำชาคงต้องใช้เวลา ๓ วัน ๒ คืน และก็ต้องขออภัยด้วยที่ให้ข้อมูลตัวเลขผิด จริง ๆ แล้วระยะทางมากกว่านั้นครับ ต้องขออ้างอิงข้อมูลซึ่งคุณ “หางแฮ้ม” ได้ที่ให้ไว้ใน thaimtb.com ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้…

เส้นทาง ปากแบ่ง-อุดมไซ-ปากมอง-หลวงพระบาง
    – ปากแบ่ง-อุดมไซ ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นทางราดยาง เป็นเนินเขาสลับกับทางราบเป็นบางช่วง ใกล้ๆอุดมไซจะมีขึ้นเขาบ้างแต่ไม่สูงชันมาก ไปสบาย ๆ ครับ
    – อุดมไซ-ปากมอง ทางราดยาง แต่ก็มีพัง ๆ ไปบ้าง ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร เป็นภูเขาเกือบทั้งหมด ทางชันเป็นบางช่วงแต่ก็ปั่นได้ครับ
    – ปากมอง-หลวงพระบาง ทางราดยาง ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร ทางเป็นที่ราบสลับเนินเขาและเลียบขนานไปกับลำน้ำอูเกือบตลอด วิวสวยมาก ปั่นได้สบาย ๆ ไม่โหดครับ
    **ส่วนที่พัก ช่วงปากแบ่ง-อุดมไซ ถ้าแรงดี ๆ ก็ปั่นยาวมาพักที่อุดมไซได้ เป็นเมืองใหญ่มี่พักเยอะ แต่ถ้าคิดว่าหนักเกินไป ก็แวะพักที่เมืองแบ่งซึ่งอยู่เกือบกึ่งกลางทางพอดี(ประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร) เป็นเมืองเล็กๆแต่พอจะหาเกสเฮ้าท์พักได้ ช่วงอุดมไซ-ปากมอง 80 กิโลเมตร มีเกสเฮ้าท์ที่ปากมองครับ
    **ช่วง ปากมอง-หลวงพระบาง มาพักที่หลวงพระบางเลยก็ได้ หรือถ้าอยากเที่ยวถ้ำติ่งโดยไม่ต้องย้อนกลับมาอีก ให้แวะพักที่บ้านปากอู จากปากมองปั่นมาถึงเมืองปากอู ประมาณ 80 กิโลเมตร เมื่อผ่านสะพานข้ามน้ำอูมาจะเป็นเมืองปากอู มีทางแยกขวามือเข้าทางลูกรังไปที่บ้านปากอูระยะทางประมาณ 6-8 กิโลเมตร สอบถามชาวบ้านเอาครับ ที่บ้านปากอูไม่มีเกสเฮ้าท์แต่มีโฮมสเตย์ ให้ไปถามที่บ้านนายบ้าน(ผู้ใหญ่บ้าน) ค้างที่นี่ ถ้ำติ่งจะอยู่ตรงข้ามบ้านปากอู มีเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวข้ามน้ำโขงไปเที่ยวทุกวันครับ จากบ้านปากอูไปหลวงพระบางไม่ต้องกลับไปทางเดิม ให้ใช้เส้นทางเลาะริมน้ำโขงไปทางบ้านซ้างไห ไปบรรจบกับทางราดยางที่จะไปหลวงพระบางได้ แวะเที่ยวที่บ้านซ้างไห ดูวิธีต้มเหล้าแบบโบราณครับ เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วงครับ ทุกเส้นทางปลอดภัย
น่าสนนะครับ เมื่อพูดถึงเรื่อง “ปั่นหนัก” ผมก็เลยอยากเล่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ ซึ่งผมบันทึกไว้ว่า hardest biking ดังนี้…

ตื่นแต่เช้ามืด พอแสงสว่างจับขอบฟ้า ก็จัดการเก็บของและ tent เสียดายที่ไม่มีโอกาสรอให้ tent แห้งเสียก่อน เพราะต้องรีบออกเดินทาง แบกเจ้าลมม้า(ชื่อจักรยาน) ไปถึงใกล้ ๆ HW แล้วจึงค่อยเอาของบรรทุก…

8.00 น. ออกเดินทาง เมื่อเลือกไปทาง Super Highway จึงต้องตัดผ่านภูเขา ทำให้พบกับทางชันเป็นระยะยาวติดต่อกัน เกือบหมดทางที่จะเอาชนะได้…

ต้องหยุดพักเป็นระยะ ๆ น้ำในขวดหมด ปั่น ๖๖ ครั้งแล้วหยุด ปล่อยให้รถไปข้างหน้า แล้วปั่นต่ออีก สลับไปเรื่อย ๆ ถึงจุด ๆ หนึ่งเกือบเป็นลม ต้องหยุดข้างทาง แล้วเดินไปที่น้ำตก ดื่มน้ำ (โดยไม่หวั่นเชื่อโรค) แล้วนั่งพัก จนมีกำลังสู้ต่อไป…

ในที่สุดก็ถึงทางลงเขา ตลอดระยะ ๔-๕ กิโลเมตร ต้องผ่านอุโมงค์ยาวซึ่งทันสมัยมาก ถึง Ipoh เวลาประมาณเที่ยงวัน แวะที่ร้าน ๆ นึง ดื่ม sprite 2 ขวด (เขาคิด $1) เจ้าของร้านเป็นคนจีน สามีเป็นแขก เขาให้ความสนใจ และให้กินส้มโอซึ่งค่อนข้างสุกเกิน นอกนั้นผู้เป็นสามียังทำน้ำอ้อยมาให้กินอีก ๑ แก้ว (Great!)

นั่งพักนาน จนหายเหนื่อย จึงได้ปั่นต่อ….

๑๓.๓๐ น. ออกเดินทางจาก Ipoh หนทางธรรมดา แวะกินลอดช่อง ๑ ถ้วย (๔๐ เซนต์)

แวะกินน้ำมะพร้าว ๑ ถ้วย (๕๐ เซนต์)

เวลา ๑๖.๐๕ น. พบกับชายคนหนึ่งชื่อ Mailon อายุ ๒๘ ปี เคยปั่นจักรยานจาก KL ไปปาดังเบซาร์ บอกว่าจะให้ที่พักใน KL ให้ไปพบกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ตรงเครื่องบินเก่า เวลา ๖ โมงเย็น

ปั่นต่อไปอีก จนเลย Bidor ได้เห็นสระน้ำและที่ราบซึ่งพอจะตั้งเต็นท์ได้ จึงเลี้ยวรถเข้าไปหาที่พัก

มดแดงกัด!!!

มีคนงานคนหนึ่งบอกว่าให้พักข้างบนจะดีกว่า เพราะข้างล่างมียุงมาก และอาจมีงู

 ตกลงตั้งเต็นท์บริเวณที่ราบข้างบน รอให้มืดก่อน คือประมาณทุ่มกว่า ๆ ตอนแรกอากาศร้อน แต่ตกดึกอากาศเย็นลง มีน้ำค้างตก จนเต็นท์เปียกชุ่ม…

 อาหารค่ำมีเค้กและขนมปังนิดหน่อย…

Good sleep!

เส้นทาง Malaysian Highway ที่ผมเคยปั่นผ่านเมื่อ ๒๕ ปีที่แล้ว

ขอถือโอกาสนำภาพจาก skyscrapercity.com มาลงประกอบสัก ๔ บาน น่าเสียดายที่เดินทางไปครั้งนั้น ผมไม่มีกล้องติดตัวไปด้วย จึงไม่มีภาพถ่ายเก็บไว้

Super Highway ของมาเลเซียดีมาก ๆ ตอนนั้นผมใช้จักรยาน ไม่ต้องจ่ายตังค์ค่าผ่าน
จาก Alor Star ไป หนทางยังเรียบ ปั่นสบาย…

หนทางอย่างนี้ จะตั้งเต็นท์พักค้างคืนตรงไหนก็เลือกเอา….

นี่ไง…ทางลงเขาซึ่งต้องลอดอุโมงค์

วันนี้ขอหยิบเอาเรื่องเก่ามาเล่าเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอ่ะ…
--------------------------------------------------------------------------------------------------
Thank thaimtb.com and skyscrapercity.com for the info and pics.