ติดกับวัดห้วข่วง (1) และวัดภูมินทร์ (3) เมืองน่านมีลานกว้าง มองดูคล้ายกับสนามหลวง (2)...
เพื่อน ๆ สามารถเดินไปยังพิพิธภัณฑ์ได้เลย...
วิกิพีเดียกล่าวไว้ว่า...
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำจังหวัดน่าน ตั้งอยู่ภายในคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน (หอคำ) ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เดิมเป็นที่ประทับของพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ พระเจ้าน่าน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๖ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๒ ชั้น มีมุขด้านหน้า หลังคามุงด้วยไม้แป้นเกล็ด บนเนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๒ งาน ๓๒ ตารางวา ครั้นเมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงพิราลัย เจ้านายบุตรหลานของเจ้าผู้ครองนครน่านจึงได้มอบหอคำหลังนี้พร้อมที่ดินให้แก่รัฐบาล เพื่อใช้เป็นอาคารศาลากลางจังหวัดน่าน ต่อมาเมื่อกระทรวงมหาดไทยได้ก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ขึ้น กรมศิลปากรจึงได้ขอรับมอบอาคารเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ และประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๐
ผมรู้สึกขัดตาเมื่อเห็นป้ายค่าธรรมเนียมเข้าชม ๑๐ บาท และ ADMISSION FEE 30 BAHT ซึ่งราคาไม่ตรงกัน ผมสนับสนุนเรื่องเก็บค่าเข้าชมชาวต่างชาติแพงกว่าคนไทยด้วยกันนะ <em>(เหมือนในลาวหรือพม่า)</em> แต่คิดว่าป้ายควรเขียนบอกไว้หน่อยว่าสำหรับคนต่างชาติ (Foreigners) เสีย ๓๐ บาท มันจะได้ดูดี ไม่ใช่ละไว้ให้เข้าใจกันเอง...
ไปพิพิธภัณฑ์ก็รู้อยู่แล้วว่าดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของจะเสีย ถ้าจะไม่ให้ถ่ายรูปก็เขียนติดไว้ให้ชัดเจนเช่นนี้นั้นดีแล้ว...
ในขณะเดียวกัน สมองรอยหยักน้อยของผมก็คิดว่าทุกวันนี้น่าจะเลิกคำสั่งห้ามถ่ายรูปได้แล้ว ให้เหลือเพียงห้ามใช้แฟลชและขาตั้งกล้องก็พอ จำได้ว่าพิพิธภัณฑ์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ไม่เห็นเค้าห้าม ในอิตาลีก็เช่นกัน ผลงานของมีเกลันเจโล (Michelangelo) ที่อยู่วังวาติกัน ผมก็ยังไปเก็บภาพมาแล้ว ไม่เห็นเค้าห้ามอะไร!
ผู้สูงวัยอย่างผมเข้าชมฟรี จำได้ว่าวันนั้นผมซื้อหนังสือของพิพิธภัณฑ์ไว้ด้วย แต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน ถ้าหาเจอแล้วจะนำมาเขียนต่ออีกหน่อยนะครับ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น