วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

วิหารหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ จ. สุพรรณบุรี


เพื่อน ๆ ทราบมั้ยครับว่า... เราสามารถนั่งรถไฟ (ขบวนธรรมดา) จากสถานีหัวลำโพงไปลงที่สถานีสุพรรณบุรี (R) ได้?



ผมเคยไปมาแล้วครับ วันนั้นไม่มีเจ้า Banian ไปด้วย ถึงสถานีสุพรรณบุรี (R) ก็ตกค่ำพอดี จากตัวสถานีต้องเดินเลียบทางรถไฟไปอีกเกือบ ๑ กิโลเมตรถึงทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 321 จริง ๆ แล้วรถไฟไปสุดระยะที่ชานชาลาซึ่งอยู่ใกล้ถนนใหญ่พอดี จากตรงนั้นเลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็จะถึงประตูทางเข้าด้านหน้าของวัดป่าเลไลยก์ (W)  วัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีวิหารหลวงพ่อโต (2) ตั้งอยู่ด้านหน้าบริเวณพื้นที่วัดอันกว้างใหญ่...


สารานุกรมเสรีวิกิพีเดีย กล่าวว่า...
หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณมาแต่โบราณกาล ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้ากาแลโปรดให้บูรณะวัดป่าเลไลยก์ เมื่อ พ.ศ. ๑๗๒๔ แสดงว่าแสดงว่าวัดนี้ได้สร้างมาแล้วก่อนหน้านั้น
องค์พระประดิษฐานอยู่ในวิหารที่สูงใหญ่ มองเห็นเด่นแต่ไกล เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางป่าเลไลยก์ขนาดใหญ่สูง ๒๓ เมตรเศษ สร้างตามแบบศิลปอู่ทองรุ่นที่สอง ซึ่งเป็นศิลปะฝีมือสกุลช่างอู่ทองแท้ ๆ เดิมทีองค์พระประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง พระหัตถ์ขวาหัก ช่างได้สร้างวิหารครอบ โดยให้ผนังวิหารชิดกับพระหัตถ์ขวา ส่วนทางพระหัตถ์ซ้ายให้มีที่ว่าง ด้านหลังองค์พระสร้างชิดกับผนังวิหารทำให้แข็งแรง นับเป็นความชาญฉลาดของช่างเป็นอย่างยิ่ง
มีผู้สันนิษฐานว่า เดิมเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ประทับนั่งอยู่กลางแจ้ง พระกรทั้งสองข้างหักหายไป ผู้ที่มาบูรณใหม่ได้ทำเป็นปางป่าเลไลยก์ตามที่นิยมกันในสมัยหลัง ลักษณะประทับนั่งห้อยพระบาท พระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำบนพระชานุข้างซ้าย พระหัตถ์ขวาวางหงายบนพระชานุข้างขวาในท่าทรงรับของถวาย พระวิหารที่สร้างครอบองค์พระ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเห็นว่าที่หน้าบันของพระวิหาร มีพระราชลัญจกรประจำพระองค์ คือเป็นรูปพระมหามงกุฎอยู่ระหว่างฉัตรคู่ปรากฏอยู่
เคยบวชที่วัดนี้แล้วมีโอกาสกลับมาเยือนอีกครั้ง ผมขอนำภาพวิหารหลวงพ่อโตมาฝากเพื่อน ๆ ดังนี้...






ตรงขั้นบันไดมีป้ายเขียนบอกให้ถอดรองเท้าไว้ตรงนี้ แต่ผู้คนกลับไม่ทำตาม มีแต่ตาแก่เมืองรถม้า... อิอิ



ทั้งองค์พระและวิหารดูสวยงามกว่าที่ผมเคยได้เห็น...




มีความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น สภาพเดิม ๆ ของวัดที่ผมเคยอยู่จำพรรษา ๓ เดือนทุกวันนี้เลือนหายสิ้น...


อาจกล่าวว่าวัดป่าเลไลยก์เป็นวัดที่รวยที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรีก็คงได้!

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี



จากถนนมาลัยแมน เดินไปตามถนนสมภารคง (ทล.3507) ประมาณ ๓๐๐ เมตร  ผมเห็นวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (2) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือ...


วัดชื่อนี้มีหลายแห่งล้วนเป็นวัดโบราณใหญ่โตทั้งสิ้น อย่างเช่นที่ จังหวัดลพบุรี และ จังหวัดพิษณุโลก ส่วนที่จังหวัดสุพรรณบุรีแห่งนี้ก็เป็นวัดเก่าคู่บ้านคู่เมือง ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง มีอายุไม่ต่ำกว่า ๖๐๐ ปี ตั้งอยู่ที่ถนนสมภารคง ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี จุดเด่นของวัดคือองค์พระปรางค์ประธาน ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ...


เว็บ suphan.biz ให้ข้อมูลว่า...
พระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุสุพรรณบุรี ก่อด้วยอิฐสอดิน ผิวด้านนอกฉาบปูนส่วนฐานทำเป็นชุดฐานบัวลูกฟัก สี่เหลี่ยมย่อมุมซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป ๔ ชั้น รองรับองค์เรือนธาตุ ลักษณะมุมมีมุมประธานซึ่งมีขนาดใหญ่อยู่กลาง มุมย่อยซึ่งมีขนาดใหญ่อยู่กลาง มุมย่อยซึ่งมีขนาดเล็กกว่าขนาบทั้งสองข้าง
องค์เรือนธาตุสอบโค้งเข้าหาส่วนบน ย่อมุมรับกับส่วนฐาน มีมุมซุ้มจระนำทั้ง ๔ ด้าน เฉพาะด้านทิศตะวันออกทำเป็นคูหา ประดิษฐานพระปรางค์จำลอง ผนังห้องคูหาทั้ง ๓ ด้านฉาบปูนเรียบ เพดานบุด้วยแผ่นไม้กระดาน และมีบันไดขึ้นสู่คูหาเพียงด้านเดียว หน้าบันเรือนธาตุทำเป็นซุ้มลดซ้อนกัน ๒ ชั้น ประดับลวดลายปูนปั้นเป็นรูปมกรและนาค บริเวณชั้นบัวรัดเกล้าปรากฏรูปเทพพนมระหว่างมกรและนาค บริเวณชั้นบัวรัดเกล้าปรากฏลวดลายปูนปั้นเป็นรูปอุบะและกลีบบัว อันเป็นแบบประเพณีนิยมสมัยอยุธยาตอนต้นสามารถเปรียบเทียบได้กับชั้นบัวรัดเกล้าที่พระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหนือขึ้นไปเป็นชั้นเชิงบาตรครุฑแบก ยักษ์แบก แต่ปัจจุบันปรากฏเพียงปูนปั้นรูปยักษ์บริเวณมุมย่อยเท่านั้น นอกจากนี้บริเวณหน้ากระดานของวิมานชั้นแรกยังปรากฏลวดลายปูนปั้นเป็นรูปหงส์ รูปใบไม้ ในกระจกอีกด้วย ส่วนยอดพระปรางค์ประกอบด้วยชั้นวิมานจำลองซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป ๗ ชั้น สอบโค้งเข้าหาปลาย บริเวณมุมและด้านประดับด้วยกลีบขนุนและซุ้มบันแถลง ยอดพระปรางค์ประดับด้วยนภศูล...
ขอบคุณที่มาข้อมูล ผมนำภาพมาฝากเพื่อน ๆ แล้วดังนี้...




           





มีพระนอนด้วยครับ...



ใช้กล้อง Olympus mju 20 ซึ่งมีขีดจำกัดเรื่อง battery และ memory ผมกดชัตเตอร์เต็มเหนี่ยวมิได้ แต่ก็ยังมิวายเก็บภาพถังขยะไว้อีก ๑ บาน...


มีโอกาสก็จะกลับไปบันทึกภาพอย่างละเอียดอีกครั้งครับ!

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

หลวงพระบาง - วังเวียง

ช่วงนี้ผมเขียนบล็อกท่องโลกแบบไม่ต่อเนื่องเหมือนกับตอนปั่นจักรยานไปอุทยานแห่งชาติแม่ปิง  จับอะไรได้ก็เอามาเขียน รูปเก่า ๆ ยังมีตกค้างอยู่มากมาย บางครั้งเกือบจำไม่ได้ว่าเป็นที่ไหนหรือถ่ายเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่...
 

ย้อนกลับไปปลายปี ๒๕๕๕ คือเมื่อ ๘ ปีที่แล้ว ผมนั่งรถตู้จากหลวงพระบาง (1) ไปวังเวียง (2) ด้วยระยะทาง ๒ ร้อยกว่ากิโลเมตร 


บนทางหลวงหมายเลข 13 รถโดยสารจากหลวงพระบางไปวังเวียงจะใช้เวลาวิ่งกว่า ๔ ชั่วโมง...


ทางหลวงหมายเลข 13 ตอนนั้นเป็นแค่เพียงถนนลาดยางอย่างที่เห็น...
 

๒ เลนรถวิ่งสวนกันไปมา...


ต้องไต่ระดับขึ้นเขาลงเขาเป็นระยะ ๆ นาน ๆ ครั้งถึงจะผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมทาง
 

ห้องนอนอยู่ติดถนน แต่น่าจะหลับได้สบาย เพราะค่ำลงคงไม่มีรถวิ่งผ่าน...
 

อยู่สูงขึ้นไปอีกหน่อย...ก็ยิ่งดี


สองข้างทางมีภาพชีวิตให้ได้สัมผัส...


อยากแนะนำเพื่อน ๆ ผู้รักการปั่นจักรยานท่องเที่ยวทางไกลให้มาลองปั่นเส้นทางหลวงพระบาง-วังเวียงดู คงต้องใช้เวลาสัก ๒ คืน ๓ วัน ขอนำภาพจาก google street views มาให้ดูเพื่อให้รู้ว่าเส้นทางน่าปั่นแค่ไหน เสียดายที่ google ไม่ได้ถ่ายภาพตลอดเส้นทาง ออกจากหลวงพระบางได้นิดเดียวเค้าก็หยุดแล้ว อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ทำให้เพื่อน ๆ ได้ไอเดียนะครับ  (ภาพทุกภาพจากนี้ไปนำมาจาก google street views - ขอขอบคุณ)





อยู่ตรงนี้ครับ สถานีขนส่งสายใต้ เพื่อน ๆ มาขึ้นรถโดยสารไปวังเวียงและเวียงจันทน์ได้ ทางด้านขวาเป็นตัวสถานีและลานจอด ส่วนรถตู้ก็หาได้แถวนี้แหละ...
 

ถ้าขี่จักรยานก็หาซื้อน้ำและเสบียงให้พอเพียง แล้วปั่นตรงไปเล้ย...
 



ปั่นไปก็ต้องคิดว่าหนทางยังอีกยาวไกล ค่อย ๆ ปั่นไป...อย่าใจร้อน!    

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Green, Green


เพลงหนึ่งซึ่งผมชอบมาก ๆ คือเพลง Green, Green ของคณะ The New Cristy Minstrels

ภาพจาก shazam.com

นอกจากทำนองแล้ว ผมยังชอบเนื้อเพลงที่ว่า...
Green, green, it's green they say
On the far side of the hill
Green, green, I'm going away
To where the grass is greener still
Ah well I told my mama on the day I was born
Don't you cry when you see I'm gone
Ya know there ain't no woman gonna settle me down
I just gotta be traveling on
Singing
Nah, there ain't nobody in this whole wide world
Gonna tell me to spend my time
I'm just a good-loving rambling man
Say, buddy, can ya spare me a dime?
Hear me crying, it's a
Nah, there ain't nobody in this whole wide world
Gonna tell me to spend my time
I'm just a good-loving rambling man
Say, buddy, can ya spare me a dime?
Hear me crying, it's a
Yeah, I don't care when the sun goes down
Where I lay my weary head
Green, green valley or rocky road
It's there I'm gonna make
มันเข้ากับชีวิตการเดินทางท่องเที่ยวพเนจรที่ผมรักด้วย...


ฟังเพลงแล้วมาดูความเขียวในสวนสาธารณะหนองบวกหาดกันนะครับ....



























เย็นฉ่ำเลยล่ะ  Green,green,I'm going away to where the grass is greener still...