เพื่อน ๆ ที่รักครับ ต่อจากนี้ผมขอปรับเปลี่ยนการเขียนให้กระชับเข้า ไม่เล่าแบบน้ำท่วมทุ่ง...ผักบุ้งโหลงเหลงเหมือนที่ผ่านมา คิดว่ามุ่งในส่วนที่อาจเป็นประโยชน์จะดีกว่า!
๐๘.๐๐ น. เครื่องบินลดระดับ เสียงกัปตันนิยมประกาศว่าจะถึงฮานอยเวลา ๐๘.๒๐ น. ตามเวลาท้องถิ่น อุณหภูมิ ๒๘ องศาเซลเซียส ตามปกติแล้ว ถ้าไปประเทศอื่น ๆ จะมีพนักงานสาวนำ card มาแจกให้ผู้โดยสารกรอกเพื่อใช้ยื่นให้กองตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) แต่สำหรับประเทศเวียดนามไม่เหมือนใคร เพราะไม่ต้องใช้การ์ด ผมรู้มาก่อนตั้งแต่ตอนเดินทางเข้าเวียดนามครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๕ ที่นั่นเจ้าหน้าที่ ตม. ด่านไตตรางนำหนังสือเดินทางผมไปป้อนข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ แล้วประทับตราลงบนหน้าสุดท้ายของหนังสือเดินทางอย่างเนี้ยครับ ...
๐๘.๐๒ น. เจ้านกยักษ์เอียงตัว ลดระดับลง ผมมองเห็นนาข้าวและบ้านเรือนเบื้องล่าง สวยเหมือนภาพถ่ายใน google earth ๐๘.๐๖ น. landing!
ดึจัง...ไม่ต้องขึ้น shuttle bus เพราะที่นี่เครื่องบินเข้าเทียบงวงช้าง ผมแบกเป้ใบเล็กออกจากประตู เดินไปตามงวงช้าง แล้วนำโด่งไปยืนเข้าคิวที่ passport control! หยุดอยู่ตรงเส้น รอให้คนข้างหน้าเสร็จ ก็ก้าวเข้าไปยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ ถึงพูดก็ไร้ประโยชน์ เพราะเค้าจะไม่ตอบกลับ คิดว่าคงเป็นเช่นนั้นกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกคน ฤาว่าจะลืมรอยยิ้มทิ้งไว้กับเมียที่บ้าน อิอิ!
ได้รับหนังสือเดินทางคืนแล้ว ผมเปิดดูหน้าสุดท้ายที่เค้าประทับตราไว้เสียก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้อง...
ผ่านเคาน์เตอร์ ตม. ออกทางด้านหลัง เลี้ยวซ้ายเห็น luggage claim ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับคน travellin' light อย่างเรา ผมเดินลิ่วสู่ทางออก แต่ถ้าเป็นเพื่อน ๆ คงต้องไปรอรับกระเป๋าที่สายพานลำเลียงก่อน ซึ่งคงไม่เป็นปัญหา เพราะมีผู้โดยสารเดินตามกันไปหลายคน...
ผมเดินออกไปยังด้านหน้าสนามบิน พบรถตู้จอดรอรับผู้โดยสารทึ่จะเข้าไปในเมือง เหมือนกับที่ได้เห็นในอินเทอร์เน็ต...
ถ่ายภาพมาให้เพื่อน ๆ ดูหน่อย...
ชอบใจที่ได้เห็นภาพ J.S. Bach...
กำลังมองหารถเมล์สาย 17 เดี๋ยวผมจะแจงให้ฟังนะว่าการเดินทางจากสนามบินโหน่ยบ่ายไปยัง old quarter มีวิธีใดบ้าง?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น