วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ช่องจอม - โอเสม็ด

No man's land คือช่องว่างระหว่างเขตแดนประเทศหนึ่งกับอีกประเทศหนึ่ง ที่มีแม่น้ำเป็นเส้นแบ่งเขตก็ไม่เห็น แต่ถ้าเป็นผืนดินเชื่อมต่อเค้าก็จะเว้นระยะไว้เป็น no man's land  ผมพยายามคิดว่าเคยผ่านที่ไหนซึ่งต้องเดินไกลที่สุด คิดไม่ออก! ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นว่าไกล เดินเข้าประเทศกัมพูชาทางด่านช่องจอมเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๙ ก็เช่นกัน...


ประทับตราหนังสือเดินทางออกจากประเทศไทยที่ด่าน ตม. ของไทยให้เรียบร้อย...


แล้วเดินเข้าสู่อาณาเขตกัมพูชาได้เลย อย่าลืมผ่านบูธกองตรวจคนเข้าเมืองของเขมรก่อนนะครับ ผมขอการ์ดมากรอกแล้วยืนให้เจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งอยู่ ๒ คน คนหนึ่งรับหนังสือเดินทางของผมไปเปิดดูตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายด้วยท่าทางพิลึก ๆ ถามเป็นภาษาไทยว่า "ไปไหน?" ผมตอบว่า "ไปเสียมเรียบ" เค้าพลิกดูตราประทับประเทศต่าง ๆ บนหนังสือเดินทางของผม ดูเหมือนจะทำให้ช้าเข้าไว้ ต่างกับการประทับตราอย่างรวดเร็วให้หญิงขแมร์ก่อนหน้าผม...

"๑๐๐ บาท" เจ้าหน้าที่ ตม. เขมรออกปากเรียกเก็บเงิน!  ผมเป็นงงเหมือนกันนะ เพราะตั้งแต่เดินทางผ่านแดนมาหลายต่อหลายด่านก็ยังไม่เคยโดนเรียกเก็บเงินอย่างเนี้ย  อ่อ...เคยมี ๒ ครั้งที่ สปป.ลาว เป็นเงินค่าเหยียบแผ่นดินตอนเข้ามาจากเวียดนาม และค่าทำงานล่วงเวลาที่ด่านบ้านห้วยทราย แต่เค้าก็เรียกเป็นเงินกีบ และมีใบเสร็จออกให้ แต่ที่นี่ดูแปลก เรียกเป็นเงินบาทและไม่มีอะไรให้เป็นหลักฐาน คงไม่ใช่ค่าธรรมเนียมมั้ง!! หรืออาจเป็นค่าอำนวยความสะดวกก็ได้!

ประสบการณ์สอนว่าอย่าไปทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ ตม.  ผมยอมจ่าย ๑๐๐ บาทซึ่งก็แค่ข้าวผัด ๒ จานเอง ถือว่าเลี้ยงอาหารกลางวันเจ้าหน้าที่สองนายนั่นก็แล้วกัน ควักกระเป๋าหยิบใบร้อยส่งให้...ผมเห็นชายในเครื่องแบบรับเงินไปวางไว้บนโต๊ะแล้วประทับตราขาเข้าให้ แถมยังช่วยเย็บการ์ดส่วนที่ต้องเก็บไว้ทั้งจากของไทยและกัมพูชาติดกับหนังสือเดินทางให้ด้วย!


โอเค หนทางข้างหน้ายังอีกไกล!  ผมรับหนังสือเดินทางคืนมาแล้วเดินแบกเป้ออกจากที่นั่นโดยไม่รีรอ.... ผ่านโอเสม็ดรีสอร์ทซึ่งกล่าวกันว่ามีบ่อนคาสิโนอยู่ด้วย



เดินเลี่ยงบรรดารถแท็กซี่และรถตุ๊ก ๆ ออกมายืนตั้งหลักอยู่ห่าง ๆ  เหงื่อเริ่มซึมเพราะแสงแดดที่แผดเผา... ผมต้องหารถไปเสียมเรียบให้ได้!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น