วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ข้อผิดพลาดของผม

เพื่อน ๆ ที่รักครับ ผมกลับมาจากทริปไปลาวใต้ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ หลังจากใช้ชีวิตกอบโกยประสบการณ์บนเส้นทางจากบ้านห้างฉัตรไปจนถึงจำปาสัก กับเจ้า Banian จักรยานพับคู่ใจนานถึง ๒ สัปดาห์ ได้ภาพถ่ายมา ๔ พันกว่าบาน..  มากจนไม่รู้ว่าจะจับเก็บและนำมาโพสต์ได้อย่างไรดี !


รู้สึกภูมิใจและประทับใจมากสำหรับ FB Trip ครั้งนี้... ผมขอแบ่งเรื่องราวออกเป็น ๒ ส่วนนะครับ ส่วนแรกคือ ช่วงเดินทางออกจากบ้าน ไปปั่นจักรยานแบบโหด ๆ จากบ้านปินไปเด่นชัย แล้วขี่ต่อในอยู่กรุงเทพ อีกส่วนหนึ่งคือช่วงเดินทางจากกรุงเทพไปจำปาสักและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ๑๐ วัน ๑๐ คืน ผมก็จะค่อย ๆ เขียนไปก็แล้วกันนะ  คิดว่าอาจช้าหน่อย แต่ก็คงไม่ถึงกับทิ้งวัตถุดิบที่ได้มาไปเปล่า ๆ

ตามปกติเมื่อเริ่มต้นคุย ผมจะต้องบอกเพื่อน ๆ ก่อนว่าทริปครั้งนี้ผมทำอะไรผิดพลาดบ้าง ใช้เงินไปเท่าไหร่ มีอะไรที่ประทับใจหรือเสียใจบ้าง?  ขอนั่งคิดนั่งเขียนแบบ improvise เช่นเดียวกับการเดินทางนะครับ อาจไม่ครบถ้วน อาจหลงลืม หรือไม่สละสลวย ก็ต้องขออภัยด้วย เอาล่ะ... วันนี้มาพูดถึงเรื่องผิดพลาดที่ผมทำกันก่อนนะครับ

ทริปนี้ยังมีเรื่องผิดพลาดอยู่ แต่ไม่หนักหนาสาหัส ผมตัดสินใจ hit the road แบบไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลาย ๆ วัน ตัดสินจัดของลงเป้ แล้วคว้าจักรยานปั่นไปสถานีรถไฟห้างฉัตรเลย รู้ว่าต้องไปหาคุณธเนศที่กรุงเทพ แต่จุดหมายต่อจากนั้นยังไม่ได้กำหนดไว้ ที่คิดไว้ก็มีลาวใต้และเกาะสุมาตราเหนือ...

ด้าน negative เอาเป็นข้อ ๆ เลยนะครับ

๑. ของหาย มี ๒ อย่างครับ คือหวีและถุงเท้า จำได้ว่าหวีตกหายในระหว่างเดินทางขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านพร้อมกับคุณธเนศ ส่วนถุงเท้าหายในช่วงปั่นจักรยานเที่ยววัด ผมต้องซื้อหวีใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าในปากเซ ส่วนถุงเท้านำไปคู่เดียวก็เลยไม่ได้สวมถุงเท้าอยู่หลายวัน

๒. ลืมจัดของไปด้วย คือไฟส่องสว่างสำหรับปั่นจักรยานในที่มืด ความจริงผมก็ไม่ได้ปั่นตอนกลางคืน แต่มีอยู่วันนึงที่ต้องออกจากที่พักแต่ตี ๔ เพื่อไปดูตลาดเช้า ผมปั่นจักรยานเข้าไปตามถนนข้างวัดเพื่อทะลุออกถนนใหญ่ ช่วงที่ไปหยุดอยู่ริมรั้วที่มีสถูปตั้งเรียงราย ตกอยู่ในความมืด... มองถนนไม่เห็น ผมได้แต่กะระยะค่อย ๆ ปั่นไปข้างหน้า


แต่ที่คิดถึงอุปกรณ์ส่องสว่างมากที่สุดคือช่วงที่ปั่นจักรยานกลับบ้านห้างฉัตรตอนเช้ามืดวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ช่วงมืดสนิทผมมองไม่เห็นไหล่ทางเบื้องหน้าแม้แต่น้อย...

๓. ของที่เอาไปไม่พอ ก็มี ๓ อย่างคือ แป้ง สบู่ และ ยา ผมลืมไปว่าการเดินทางอาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้ หลังจากอยู่ได้ ๒-๓ วันในจำปาสักสบู่ก็หมด ต้องซื้อจากปากเซมาใช้ ๑ ก้อน ส่วนแป้งเย็นตรางูที่แบ่งใส่ขวดไปด้วยก็หมด ผมซื้อสบู่แต่ลืมแป้ง ก็เลยไม่ได้โรยตัวหลังอาบน้ำ นอกนั้นยาสมองเม็ดเล็ก ๆ สีชมพูจากหมอพรเทพก็หมดก่อนกำหนด อ่อ... ยังมีอีกอย่างคือ ผมลืมเงินลาวที่เหลือจากทริปไปไชยบุรีเกือบ ๒ แสนกีบซึ่งเตรียมไว้แล้วไปด้วย

๔. จักรยานล้ม ๑ ครั้งในระหว่างปั่นตามอาจารย์หมูกลับบ้าน ไหล่ถนนไม่เรียบและมีก้อนหิน พอดีผมระวังตัวอยู่แล้วก็เลยไม่เป็นไร รถยนต์ที่ตามมาก็ไม่มีด้วย



๕. ขาดการศึกษาเส้นทางระหว่างบ้านปินไปเด่นชัยให้ดี ผมเลือกใช้เส้นทางผิด แทนที่จะใช้เส้นทางที่ง่ายและใกล้กว่า ผมกลับปั่นขึ้นภูเขา รวมระยะทางเกินกว่า ๔๐ กิโลเมตร...




๖. เข้าใจผิดเรื่องเส้นทางในกรุงเทพ ก่อนเดินทางผมหาข้อมูลจาก google maps ไว้แล้วว่าจากสถานีรถไฟหลักสี่จะต้องปั่นไปทางไหน? ระยะทางกี่กิโลเมตร?  ไปบ้านพี่ดำรงที่ออเงิน สายไหม และบ้านคุณธเนศ แต่พอเอาเข้าจริงถนนในกรุงเทพฯ หาได้เป็นอย่างที่ผมคิด มันสับสนวุ่นวายและไกลมาก...


หายากกว่าที่คิด ยิ่งไปถามมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ถูกบอกให้ใช้เส้นทางที่ไม่ใช่ทางลัด ผมต้องหลง เหนื่อยและเสียเวลาเพิ่มขึ้นกว่าจะถึงจุดหมาย !



๗. ตอนเข้าลาวถูกเรียกเก็บเงินที่ด่าน ๑๐๐ บาท ในขณะที่ประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่ไม่เก็บกัน


จะเขียนเรื่องค่าใช้จ่ายและสรุป แต่ต้องขอเป็นวันพรุ่งนี้ครับ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น