วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จักรยานผ่านด่านช่องเม็ก

อาจารย์หมูบอกผมว่ารถตู้จากอุบลไปช่องเม็กเที่ยวแรกออก ๖ โมงเช้า แต่ผมไปถึงสถานีขนส่งอุบลก็ ๖ โมงกว่าแล้ว (ดันไปปั่นจักรยานรอบสวนสาธารณะห้วยม่วงก่อนซะ ๑ รอบ)


ไม่เป็นไรครับ ขึ้นคันที่ ๒ ก็ได้เพราะมีเวลาเหลือเฟือ อยากเล่านิดนึงสำหรับผู้ที่จะนำจักรยานพับไปปั่นที่ลาวใต้ ค่ารถตู้อุบล-ช่องเม็ก ๑๐๐ บาทนะครับ...


จริง ๆ แล้วจักรยานพับน่าจะเอาขึ้นได้โดยไม่เสียตังค์ เพราะเห็นผู้โดยสารบางคนก็มีสัมภาระชิ้นใหญ่กว่าจักรยานของผมเสียอีก แต่คนขายตั๋วบอกว่าจักรยานต้องจ่ายเพิ่มอีก ๑๐๐ บาท รวมแล้วก็ ๒๐๐ บาท ซึ่งถ้าหากรอไปกับรถ บขส. อุบล-ปากเซ ก็เสีย ๒๐๐ บาทเท่ากัน แต่กว่ารถจะออกก็อีกนาน...


ผมไม่รอแล้ว อยากไปเริ่มต้นปั่นที่ช่องเม็กโดยเร็ว ว่าไปแล้วจ่ายค่าจักรยานอีก ๑๐๐ บาทก็เหมือนค่าระวาง รู้สึกว่าจะได้รับจัดหาที่ไว้บนรถตู้ซึ่งมีเนื้อที่จำกัดให้เป็นอย่างดี... ไม่ต้องเป็นห่วง!  เมื่อต้องนั่งรถตู้ไปลงช่องเม็ก ผลที่ได้จากการ improvise ก็คือการได้ปั่นจักรยาน ๓๐ กว่ากิโลเมตรไปปากเซ


รถตู้คันที่สองมีผู้โดยสารนั่งเต็มออกจากสถานีขนส่งอุบลตามเวลา วิ่งไปบนทางหลวงหมายเลข 2172 ระยะทางประมาณ ๙๐ กิโลเมตร ถึงสถานีขนส่งช่องเม็กเวลา ๑๐.๕๐ น.


จากจุดนี้ผู้ที่ไม่มียานพาหนะก็เดินไปยังด่านไทยซึ่งอยู่ไม่ไกล ส่วนผมมีจักรยานก็ปั่นเลาะริมทางขึ้นไปจนถึงที่ทำการ ต.ม. ของไทย....


เอารถจักรยานจอดไว้ข้างนอก ผมเดินเข้าไปในอาคารด้านขาออก (departure) ที่มีเจ้าหน้าที่นั่งคอยประทับตราหนังสือเดินทาง  ยุคนี้ไม่ต้องกรอกใบ ต.ม. 6 แล้ว (เพิ่งยกเลิกไม่นานมานี้ แต่ก็หลังประเทศเวียดนามและมาเลเซีย) ของไทยเรามีความเป็นผู้เจริญแล้วจึงไม่มีการเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะ เรื่องนี้ต้องยกนิ้วให้ ผมใช้เวลาไม่นาน เห็นทุกคนเดินผ่านเข้าไปข้างใน ไปออกด้านหลังเพื่อลงอุโมงค์ใต้ดินไปทะลุฝั่งลาว  (ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านผ่านตาแต่จำไม่ได้ เมื่อ ดร.ภีม ถามถึงจึงเป็นงง)....


แต่ผมไม่ได้เดินตามคนอื่นไป รับหนังสือเดินทางแล้วเดินกลับออกมาเอาจักรยาน หาทางปั่นออกไปยังต.ม. ของลาว  แล้วเกิดหลงทาง แทนที่จะปั่นข้ามพรมแดนไปยังฝั่งลาว (ตรงไป) ผมกลับเลี้ยวขวากลับเข้ามาในเขตไทยอีก


แต่ก็ไม่เป็นไร รู้ว่าหลงผมถามเจ้าหน้าที่นิดเดียว เค้าก็บอกทางให้  ถึงที่ทำการ ต.ม. ลาวซึ่งเป็นอาคารอยู่บนที่สูง ต้องขึ้นบันได ผมไม่อยากทิ้งเจ้า Banian ไว้ข้างล่างจึงต้องหิ้วมันขึ้นมาด้วย...


มองหาช่อง arrival เห็นเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ช่องหน้าต่าง ถามหาเอกสารที่ต้องกรอก ปรากฏว่าไม่ต้องกรอกแล้ว (เมื่อรับหนังสือเดินทางคืนมาผมเห็นว่ายังมีส่วนที่เป็น departure เย็บติดไว้ให้มา) ผมโดนเรียกเก็บเงิน ๑๐๐ บาท (โดยไม่มีใบเสร็จรับเงินออกให้) เข้าใจว่าคงเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชา ผมก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายไป...


เพื่อน ๆ อย่าลืมตรวจสอบให้ดีก่อนนะครับว่าได้รับการประทับตราเป็นที่เรียบร้อยก่อนเก็บหนังสือเดินทาง สำหรับผมเมื่อเอาหนังสือเดินทางยัดใส่กระเป๋าเสื้อจิงโจ้แล้วก็หมดห่วง หิ้วจักรยานเดินลงบันไดมาตั้งบนผืนแผ่นดินลาว เริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่...

ก่อนล้อหมุนไปยังปากเซ ผมซื้อซิมลาว (๑๐๐ บาท) แล้วเติมเงิน ๕๐ บาท หนุ่มลาวผู้ขายจัดการเปลี่ยนซิมให้แล้วบอกว่าสามารถเล่นไลน์และเฟสบุคได้ไม่อั้นถึง ๒ อาทิตย์  นอกจากนั้นยังแลกเงินที่หญิงรับแลกเงินคนหนึ่ง เธอให้อัตรา ๑ บาท = ๒๕๐ กีบซึ่งถือว่าดี ผมแลกเพียง ๑,๐๐๐ บาทเท่านั้น ขอตังค์ย่อย เธอให้มาปึกใหญ่ นับแล้วได้ถึง "สองแสนห้า"

พร้อมที่จะเดินทาง ผมเก็บภาพเจ้าเพื่อนยากไว้ ๑ บาน หากมองไปด้านหลังจะเห็นบันไดที่ผมหิ้วมันลงมาจากข้างบน...


นาฬิกาบอกเวลา ๑๐.๕๗ น. !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น