วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

พาสปอร์ตใหม่ไปลาว – หักมุม


๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕... ด้วยสองเท้าที่เริ่มระบม ผมเดินแบกเป้จากที่แลกเงินมาหยุดพักอยู่ตรงบันไดขึ้นวัดจอมเขามณีรัตน์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางลงไปด่านตรวจคนเข้าเมืองบ้านห้วยทรายและท่าเรือข้ามไปเชียงของ ได้เวลาต้องคิดถึงแผนการเดินทางก้าวต่อไปแล้ว!


ตั้งโจทก์ไว้ก่อนว่า…ถ้าไปสถานีขนส่งตอนนี้ เพื่อนั่งรถโดยสารธรรมดาเที่ยวบ่ายไปหลวงน้ำทา (บนเส้นทางที่ผมเคยไปมาแล้ว) กว่าจะถึงปลายทางก็คง ๔-๕ โมงเย็น  และจากสถาีนีขนส่งผมก็ต้องนั่งรถตุ๊ก ๆ เข้าไปหาที่พักในเมือง  พักอยู่หลวงน้ำทาอย่างน้อยก็ต้อง ๒ คืน ก่อนที่จะเดินทางไปยังเมืองสิง  ซึ่งอาจจะอยู่อีกซัก ๒ วัน ถึงตอนนั้นแล้วผมจะไปไหนต่อ?  ไปสิบสองปันนาก็ยังไม่พร้อม คงต้องนั่งรถกลับ (ถ้าไม่หลงไปนอนสูบฝิ่นอยู่จนไม่อยากไปไหนต่อ อิอิ)  จากหลวงน้ำทาแล้วจะไปไหนต่อล่ะ?  ไปซาปาเหรอ?…เส้นทางเก่า ไม่น่าสนแล้ว!  ไปหลวงพระบางดีมั้ย? ดีเหมือนกัน  เพราะจากหลวงพระบางสามารถนั่งรถโดยสารไปฮานอยได้  ถ้างั้นทำไมไม่ลงไปหลวงพระบางเลยหละ  เรื่องไปเที่ยวเมืองสิงอย่างที่ตั้งใจไว้ขอเก็บไว้ก่อน  เอาไว้ทริปหน้าผมอาจได้ไปสิบสองปันนา ถึงตอนนั้นคงได้แวะเยือน

หากเย็นนี้ผมนั่งรถไปหลวงพระบาง ก็จะเป็นการประหยัดค่าที่พักไปได้ ๑ คืน (“นอนบนรถ” เป็นเทคนิคหนึ่งของนักเดินทางขี้เหนียว) และที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือการไปถึงจุดหมายในตอนเช้า ทำให้มีเวลาเหลือเฟือที่จะเดินหาที่พักแล้วได้อยู่อาศัยอย่างคุ้มค่า  โอเค…งั้นเย็นนี้ผมต้องตีรถไปหลวงพระบาง!  ก่อนอื่นก็ต้องหาซื้อตั๋วรถ “ห้วยทราย-หลวงพระบาง” ให้ได้เสียก่อน จากนั้นจะได้มีเวลาอีกหลายชั่วโมงสำหรับการเดินเที่ยวบ้านห้วยทราย

(ขอบคุณแผนที่จาก Manager Online)

อาคารตรงหัวมุม นอกจากจะเป็นที่พักแล้ว ข้างล่างยังมีบริษัททัวร์อยู่ด้วย ผมตัดสินใจเดินข้ามถนนไปดู  พนักงานสาวสวยเห็นผมก็ทักทายทันทีว่า “สบายดี”   เว้าลาวมา…ผมก็เว้าลาวไป สอบถามเกี่ยวกับเรื่องรถที่จะไปหลวงพระบาง สาวเจ้าบอกว่ามีรถ VIP ไปหลวงพระบาง  (ผมเคยเห็นรถ VIP ของลาวมาก่อนแล้ว  มันพอ ๆ กับรถ ปอ.2 บ้านเราเอง  สู้เมล์เขียวที่ผมนั่งมาจาำกเชียงใหม่ก็ยังไม่ได้)  ออกเวลา ๕ โมงเย็น ค่าโดยสาร ๑๖๐,๐๐๐ กีบ  รวมค่าตุ๊ก ๆ ไปส่งที่สถานีขนส่ง (ใหม่)  สมองผมทำหน้าที่แทนเครื่องคิดเลขทันที… ค่ารถไปหลวงพระบางเท่ากับ ๖๐๐ บาท  (หัก ๔๐ บาทสำหรับค่าเดินทางไปสถานีขนส่ง)   ก็ใช้ได้นะ!  (เอ้า…ผมหักออกให้อีก ๒๐๐ บาท เป็นค่าเฮือนพักในห้วยทรายที่ประหยัดไว้ได้  อะไรจะขนาดนั้น? ฮา)  ผมตัดสินใจซื้อตั๋วทันที เมื่อรู้ว่าสามารถฝากเป้ไว้แล้วไปเดินเที่ยวได้  ซ๊อตนี้กินดำแล้วยังวางสนุ๊กได้อีก!
ผมจ่ายเงินไปแสนกว่า ผู้สาวโทรจองที่นั่งแล้วออกใบรับให้  กำชับให้กลับมาตอน ๔ โมงเย็น เพื่อขึ้นรถไปสถานีขนส่ง  ผมนำเป้ไปวางหลบไว้ตรงมุมห้อง  พร้อมที่จะออกลุย!  จุดหมายแรก คือ “วัดจอมเขามณีรัตน์”  ซึ่งอยู่เบื้องหน้า…


เพื่อน ๆ ขึ้นบันไดไปด้วยกันนะ!  ไหวมั้ย?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น