วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

พาสปอร์ตใหม่ไปลาว – ตลาดเช้าเมืองเชียงของ

๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕... ก่อน ๖ โมงเช้า ผมตื่นนอนโดยไม่ต้องอาศัยนาฬิกาปลุก  เพราะนักท่องเที่ยว (คนไทย) ซึ่งพักอยู่ที่โรงแรมน้ำโขงริเวอร์ไซด์พากันมายืนส่งเสียงโหวกเหวกอยู่ตรงหัวนอน


ผมไม่แปลกใจเลย นักท่องเที่ยวไทยกับโรงแรมหรู ๆ เป็นเรื่องปกติ มีเสียงตะโกนชวนกันไปเที่ยวตลาดเช้า ผมได้ยินคนขับรถตุ๊ก ๆ เรียกค่าโดยสาร ๗๐ บาท สำหรับผู้โดยสาร ๖ คน  หลายคน…มิน่าเล่าถึงได้เสียงเหมือนนกแตกรัง  ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าฟ้าเริ่มสางแล้ว คิดว่าต้องไป “ตลาดเช้า” ด้วยเช่นกัน ไม่อยากให้พลาด “กาแฟ-ปาท่องโก๋” เจ้าที่ผมอยากจะบอกเพื่อน ๆ ว่า  It’s a must! เดินไปลูกเดียวครับ…


ตลาดสดประตูชัยแทบจะไม่มีอะไรให้ดูเลยก็ว่าได้




ผมเดินผ่านสะพาน แล้วข้ามถนนไปยังตลาดที่บางคนเรียกว่า “ตลาดท่ารถ”


โห!  รอยยิ้มของผู้คนเกลื่อนเลย เห็นแล้วมีความสุข  ผมไม่รอช้า ตรงเข้าไปสั่งกาแฟกับปาท่องโก๋ ๑ ชุด…ได้ปาฯ มา ๕ คู่  อร่อยมั่ก ๆ ตัวไม่ใหญ่ พอใส่เข้าปากก็รู้สึกได้ทั้งความนิ่มและความกรอบอยู่ในตัว  แม้จะเป็นแค่เพียงเนสกาแฟ มิใช่กาแฟสด ผมก็ละเมียดได้อย่างมีความสุข มีลูกค้าแวะมาซื้อและคุยด้วยอย่างต่อเนื่อง ผมได้ยินเสียงแม่ค้าคุยว่าไปเที่ยวระยองมา ๔ วัน เพิ่งกลับมาขายเป็นวันแรก  หุหุ…เนี่ยถ้ามาเมื่อวาน ผมคงไม่ได้กินปาท่องโก๋เจ้าดังแห่งเมืองเชียงของ!   กินเสร็จ จ่ายค่าเสียหาย แค่ ๑๕ บาทเองครับ ปาท่องโก๋คู่ละ ๑ บาท!


จากนั้นผมก็ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง เดินถ่ายภาพแสงทองที่เริ่มส่องสว่างและบรรยากาศริมฝั่งโขง…









มีโรงแรมและที่พักหลายแห่งตั้งอยู่ตามเส้นทางที่ผมเดินผ่าน อย่างเช่น คุ้มสล่าศรีรีสอร์ท (Khomsalasri Resort)



โรงแรมเดอะริเวอร์ เฮ้าส์…


โรงแรมเชียงของริเวอร์วิว…


บ้านชมโขง (Chomkhong Guest House)…


ริมน้ำเฮ้าส์….


และ ฯลฯ…


กลับถึงที่พักก่อน ๘ โมงเล็กน้อย… ผมอาบน้ำสระผมแล้วกินอาหารเช้าซึ่งประกอบด้วยไข่ต้ม ๑ ฟองและขนมปังโฮลวีทกับ Tuna Spread   เว้นช่วงไว้หน่อยแล้วกินยาตาม!

ครั้งก่อน (เดือนเมษายน ๕๕) ผมข้ามไปฝั่งลาวด้วยความรีบร้อน ทำให้ต้องไปเบียดเสียดยัดเยียดอยู่กับนักท่องเที่่ยวฝรั่งมากมายที่ด่านทั้งด้านฝั่งไทยและลาว พอเดินขึ้นไปที่ถนน ก็ถูกคนขับรถตู้ชวนให้ไปหลวงน้ำทา  ผมเลยไม่มีโอกาสได้เดินเที่ยวบ้านห้วยทรายแม้แต่น้อย!

แต่เช้านี้ผมวางแผนให้ตัวเองไม่ต้องรีบเร่ง คิดว่าสาย ๆ หน่อยก็ค่อยเดินไปลงเรือข้ามฟาก ขึ้นฝั่งลาวแล้วค่อยดูว่าจะมีคนขับรถตู้มาถามอีกหรือเปล่า ถ้ามีรถไปหลวงน้ำทาหรือไปยังชายแดนซึ่งติดกับประเทศจีน (ผ่านเมืองสิง)  ผมก็จะเดินทางขึ้นเหนือ  อยากไปเที่ยวหลวงน้ำทาและเมืองสิงสัก ๒-๓ วันแล้วค่อยคิดต่อว่าจะไปไหนต่อ ถ้าไปเวียดนามก็คงไม่มีปัญหา เพราะมีเงินดอลล์เหลือมาจากท่องพม่าตั้งร้อยกว่าเหรียญ!  หรือจะต่อรถไปหลวงพระบางอีกครั้งก็ได้  เดินทางแบบนี้หลายคนอาจส่ายหน้าไ่ม่เห็นด้วยกับการวางแผนที่ไร้ความแน่นอน!!  หุหุ  อย่างนี้สิครับถึงจะมันส์

๑๐ โมงกว่าผมสำรวจข้าวของแล้วออกจากห้องพัก แวะไปคืนกุญแจที่ office ก่อนที่จะมุ่งหน้าเดินไปยังท่าเรือบั๊ค แวะซื้อน้ำเย็น ๑ ขวด (๑๕ บาท) ที่ร้านเดิม เห็นว่ามีห้องพักด้วย ถามว่าคืนละเท่าไหร่ คำตอบคือ ๑๕๐ บาท

พร้อมแล้วครับ! ผมคลำดูหนังสือเดินทางและกระเป๋าตังค์ซึ่งอยู่ในเสื้อจิงใจ้ ขยับเจ้าแรดให้กระชับ แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น