วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2566

วัดบ้านแก่น ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง

วันที่ 3 ของทริปปั่นจักรยานห้างฉัตร-สบปราบ เริ่มต้นจากอุทยานแห่งชาติดอยจง ผมมุ่งหมายไปให้ถึง ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม...
 

ได้รับคำแนะนำให้ใช้ทางหลางชนบทหมายเลข 1014 ไปยังอำเภอเสริมงาม ผ่านวัดบ้านแก่น ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลนายาง อำเภอสบปราบ...
 
 
ตาแก่บ้านห้างฉัตรทำตามคำแนะนำ ปั่นจักรยานจากอุทยานแห่งชาติดอยจงถึงบ้านแก่นเวลาประมาณ 9 โมงครึ่ง...


 
หลักกิโลบอกว่าอีก 19 กิโลเมตรถึงเสริมงาม ผมยังไม่รู้ว่าวันนี้จะสิ้นสุดการปั่นจักรยานเมื่อใด? นอนที่ไหน? 


อย่างไรก็ตาม บ้านแก่นก็บอกผมว่าที่นี่คือวิถึชาวพุทธและตำนานแห่งขุนเขา...

 
วัดบ้านแก่นเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของอำเภอสบปราบ ผมปั่นจักรยานลงเขามาจากอุทยานแห่งชาติดอยจง (NP) ถึงสามแยก (TL) เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงชนบทหมายเลข 1014 ถึงวัดบ้านแก่น (W) รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 3.3 กิโลเมตร
 
 
ไม่ต้องมี navigator ยังไงก็ไม่หลงครับ เจอวัดบ้านแก่นแล้ว...
 

 
บนลานกว้างตรงทางเข้าคุณป้าชาวบ้านแก่นกำลังขี่สามล้อไฟฟ้าผ่านมา... 
 
 
 
ด้านหน้ามีสิงห์ (1) คอยต้อนรับผู้มาเยือน พร้อมกับลูกที่เกาะติด (แปลกดี!)
 

 

ฝนลงเม็ดนิด ๆ...ผมรีบเดินเก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ โดยเริ่มที่หอระฆังและอาคารหลังเล็กซึ่งอยู่ด้านหน้าก่อน
 

อาคารที่เห็นไม่รู้ว่าเป็นอะไร ผมได้แต่คิดในใจว่าตั้งอยู่กลางน้ำเช่นนี้ ปรับปรุงให้ดี...น่าจะใช้เป็นหอไตรได้ (?)...

  

 



 Facebook ท่องเที่ยวบ้านแก่น อ.สบปราบ จ.ลำปาง กล่าวว่า...

วัดบ้านแก่น อ.สบปราบ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๓ หมู่ ๗ ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ ๓ ไร่ ๕๕ ตารางวา ต่อมาท่านพระอาจารย์เกียรติยศ พรหฺมปฺโญ (ครูบาเกมส์) ชื้อเพิ่มอีกประมาณ ๓๐ ไร่ ปัจจุบันเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๓๓ ไร่ ๕๕ ตารางวา อาณาเขต ทิศเหนือติดกับทุ่งนา ทิศใต้ติดกับถนน ทิศตะวันออกติดกับทุ่งนาและถนน ทิศตะวันตกติดกับทุ่งนา อาคารเสนาสนะประกอบด้วย วิหาร กุฏิ ศาลาบำเพ็ญบุญ เจดีย์ หอระฆัง และมีปูชนียวัตถุที่สำคัญ ได้แก่ พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดบ้านแก่น เป็นพระพุทธรูปที่งดงามมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนที่ไหน ปัจจุบันกำลังก่อสร้างศาสนวัตถุ เช่น หอกรรมฐาน เจดีย์ วิหารหลวง

 
 


 
 
พาไปดูห้องน้ำหน่อยนะครับ.... 



ไหน ๆ ก็มาแล้ว...ต้องสำรวจให้ทั่ว!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น