วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

กลับมาแล้วครับ!

สวัสดีเพื่อน ๆ ที่รัก!  หลังจากแบกเป้ไปสุรินทร์และเสียมเรียบโดยใช้เวลา ๑๐ วัน (เช้าวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงบ่ายวันที่ ๒๙ มกราคม) ผมกลับถึงบ้านห้างฉัตรโดยสวัสดิภาพ ไม่เจ็บป่วยเมื่อยล้า ไม่มีเลือดตกยางออก และกระดูกกระเดี้ยวก็ยังสมบูรณ์ดีทุกอย่าง



ก่อนจะเขียนเล่าเรื่องราว ผมขอสรุปเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ให้เพื่อน ๆ ทราบพอเป็นสังเขปก่อนดังนี้...

ทริปซึ่งตั้งชื่อไว้ว่า "แบกแรดไปสุรินทร์" เป็นการเดินทางไปอยู่ที่หมู่บ้านช้างจังหวัดสุรินทร์ก่อน แล้วเข้าเขมรทางด่านช่องจอมเพื่อเยือนนครวัด-นครธม กลับเมืองไทยทางอรัญประเทศ ไปแวะค้างที่อุตรดิตถ์ ๑ คืนก่อนนั่งรถไฟกลับถึงห้างฉัตรใช้เวลาทั้งสิ้น ๑๐ วัน ปกติแล้วถ้ามีคนถามว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ผมก็จะตอบได้ทันทีว่าประมาณ ๕,๐๐๐ บาท เป็นค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างซึ่งเฉลี่ยตกวันละ ๕๐๐ บาท (ไปกี่วันก็เอา ๕๐๐ คูณเข้าไป) แต่ทริปครั้งนี้ถูกกว่านั้น! ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ๓,๘๒๐ บาท รวมหมดทุกอย่าง แม้ค่าเข้าชมนครวัด และค่าซื้อหนังสือ Ancient Angkor อีก ๑ เล่ม...


กับประโยคที่ว่า "See Angkor Wat and Die"  ผมได้ทำตามแล้วนะ และยิ่งกว่านั้นยังได้ไปเยือน "บ้านตากลาง" หมู่บ้านช้างแห่งลุ่มน้ำมูล ซึ่งแค่เพียงหยิบหนังสือมาดูแล้วบอกตัวเองว่าจะต้องไปที่นั่นให้ได้... ผมก็ทำสำเร็จแล้วเช่นกัน!


ถ้าไม่นับทริปล้างพิษฯ ที่เมืองกาญจน์  ทริปไปสุรินทร์และเสียมราฐครั้งนี้นับว่าคุ้มค่าที่สุด คือได้ไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวที่วิเศษสุดทั้งในเมืองไทยและเขมร ที่เขมรผมก็ได้ปิดฉากอย่างสมบูรณ์ตามที่ตั้งใจ ไม่มีอีกต่อไป (แค่ ๒ ครั้งกับการไปเยือนพนมเปญ พระตะบอง ศรีโสภณ และเสียมราฐนับว่าพอแล้ว!)

ไปครั้งนี้มีอะไรผิดพลาดมั้ย?  มี ๒ อย่างดังนี้ :- ๑) ทำปากกาหมึกแห้งซึ่งนำไปด้วยเพียงด้ามเดียวหาย  ๒) ถูกเจ้าหน้าที่ ตม. เขมรเรียกเงิน ๑๐๐ บาท ตอนผ่านแดนที่ช่องจอม ไม่อยากต่อความยาวก็เลยให้ไป นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นเรื่องกวนใจ มีแต่สิ่งดี ๆ มากมาย...

ผมได้ไปเยือนหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก!


เพิ่งเคยได้เห็นสุสานช้าง...


จากหมู่บ้านช้าง...ผมปั่นจักรยานไปทั่วทิศ


สัญจรบนเส้นทางเดียวกันกับช้าง...


ปั่นจักรยานไปถึงแม่น้ำมูล...


มีโอกาสได้ชมการแสดงของช้างแสนรู้ที่บ้านตากลาง...



ผมพักสบาย ๆ ในเสียมราฐ ๔ คืน (คืนละ $6) 


ได้ปีนขึ้นไปถึงยอดปราสาททุกแห่งที่ไปเยือน โดยไม่พลาดพลั้งตกลงมา!


ที่แตกต่างกับทริปอื่น ๆ คือ ผมมีกล้อง Nikon D50 ไปด้วย ทำให้บันทึกภาพได้ชัดกว่ากล้องคอมแพ็ค ครั้งนี้ไป ๑๐ วัน ผมกดชัตเตอร์เก็บภาพมาได้ทั้งหมด ๒,๓๐๑ บาน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์!



เช่าจักรยานปั่น ๒ วันในสุรินทร์และอีก ๓ วันในเสียมราฐ  เป็นทริปที่ผมเดินทางด้วยจักรยานมากที่สุด...


ผมไปไกลเกินกว่านักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ



ได้สัมผัสความน่ารักของเด็ก ๆ ชาวกัมพูชาซึ่งไม่แบมือขอตังค์...



ผมปั่นจักรยานไปถึง "โตนเลสาบ"...



ผมแวะเยือนทุกวัดที่ขวางหน้า...


มีโอกาสได้กินของหวานชามละ ๑๐ บาท เหมือนกับที่เคยกินในพนมเปญ...


ได้เห็นแสงสีของเมืองเสียมราฐหรือเสียมเรียบในคืนวันเพ็ญ...


ผมได้ปั่นจักรยานไปวัด Thmei (killing field)...


และที่น่าจะภูมิใจที่สุดสำหรับทริปครั้งนี้ก็คือ การได้ปั่นจักรยานไปเฝ้าชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด...


ได้ขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของปราสาท...


ผมดีใจในสิ่งที่ได้ทำตามที่ได้เขียนไว้ว่า "Exploring the world with an unusual Thai - บันทึกการท่องโลกที่ค่อนข้างแตกต่าง ด้วยงบประมาณจำกัดแต่ใจเกินร้อย พร้อมที่จะเดินไปข้างหน้า เพื่อนำประสบการณ์กลับมาฝาก!"  แล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น