ถ้านำจักรยานพับไปด้วย ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อปั่นไปขึ้นรถเมล์ ซึ่งปกติจะจอดอยู่แถววงเวียนหอนาฬิกาหน้าสถานีรถไฟเก่า (1) แต่ถ้าไปถึงแล้วไม่เห็นรถ ก็ให้ขี่เลยไปดูแถวอาคารพาณิชย์ถัดจากสถานีรถไฟใหม่ เค้าจะไปจอดรับผู้โดยสารอยู่ที่นั่น (2)
ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีผู้โดยสารเยอะ ต้องต่อคิวกันซื้อตั๋ว...
ค่าโดยสารไปลงบ้านโคกคนละ ๑๐๐ บาท ถ้าบอกคนขายตั๋วว่า "ไปด่านภูดู่.." เค้าจะคิด ๙๕ บาท...
มีที่เก็บของใต้ท้องรถอยู่ ๓ ช่อง จักรยานพับเก็บไว้ในช่องหลังได้สบาย ส่วนเป้ใบเล็กก็นำขึ้นไปเก็บไว้ที่ชั้นข้างบนรถ
ผมไปซื้อตั๋วเมื่อใกล้เวลารถออกจึงไม่มีที่ให้นั่ง ต้องยืนไป...แต่ก็สนุกดี! การเดินทางแบบนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับตาแก่เมืองรถม้า
รถของบริษัทศิลาอาสน์ขนส่งเป็นรถพัดลม วิ่งช้า จอดรับส่งผู้โดยสารไปตลอดทาง (เหมือนเมล์เขียวเจ้าประจำของผม) เพื่อน ๆ ต้องให้เวลาสำหรับการเดินทางจากอุตรดิตถ์ (1) ไปถึงแยกภูดู่ (4) เอาไว้ประมาณ ๔ ชั่วโมง...
เวลา ๗.๓๐ น. ถึงเขื่อนสิริกิติ์ วิ่งต่ออีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงอำเภอน้ำปาด (3) ที่ซึ่งมีผู้โดยสารลงเยอะ ยืนมา ๒ ชั่วโมงเต็ม...ผมได้หย่อนก้นก็ตรงนี้แหละ!
พอดีทุกวันจันทร์มีตลาดนัดน้ำปาด ผมก็เลยได้เห็นเป็นโบนัส....
รวมทั้งตลาดที่อำเภอฟากท่า...
กว่าจะเข้าใกล้จุดหมายก็เกือบ ๑๐ โมงเช้า ผ่าน checkpoint ที่เห็นไปแล้ว...รถจะต้องไต่ขึ้นเขา!
แล้วก็ถึงตำบลม่วงเจ็ดต้น เพื่อน ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะลงผิดที่...ถ้าได้บอกกระเป๋าไว้ล่วงหน้าว่าจะไปด่านภูดู่!
๙๕ บาทสำหรับการเดินทางเกือบ ๔ ชั่วโมงด้วยรถเมล์สายอุตรดิตถ์-บ้านโคก...สำหรับผมแล้วคุ้มค่าสุด ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น