ไปกับทัวร์ก็ดีไปอย่างคือไม่ต้องคิดมาก แค่เดินตามไปไม่ให้หลง พยายามเปิดหูเปิดตาให้กว้างเข้าไว้ คอยบันทึกภาพและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ บนเส้นทางเลียบแม่น้ำหอมไปยังเจดีย์เทียนมู่ (Thien Mu Pagoda) จุดสุดท้ายในช่วงเช้า เค้าพาไปดูบ้านสวนอายุ ๒๐๐ ปีของบรรดาขุนนางและข้าราชการระดับสูง ถ้าจะเปรียบไปแล้วคงคล้ายกับพาไปทัศนาที่อยู่ของมหาเศรษฐีแถวเบเวอร์ลีฮิลส์ในสหรัฐอเมริกา...
รถบัสไปจอดที่หน้าประตูรั้วของบ้านสวนแห่งหนึ่ง ลูกทัวร์ลงจากรถแล้วเดินตามไกด์หนุ่มเข้าไป...
บ้านขุนนางซึ่งมีชื่อว่า "An Hien Garden House" เป็น excursion ก่อนที่จะไปวัดเทียนมู่....
บ้านที่เห็นเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ยึดหลักฮวงจุ้ย บนที่ดิน ๔,๖๐๘ ตารางเมตรหันหน้าสู่แม่น้ำหอม มีบ้านเนื้อที่ขนาด ๑๓๕ ตารางเมตรอยู่ตรงกลาง ด้านหน้าสร้างสระน้ำเอาไว้ คนเฒ่าคนแก่ชาวเวียดนามบอกว่ามีไว้เพื่อกันผี เค้าเชื่อกันว่าถ้าเป็นผีผ่านเข้ามาจะไม่มีเงาสะท้อนปรากฏให้เห็นบนผิวน้ำ...
ไกด์หนุ่มพาลูกทัวร์ไปหยุดยืนอยู่หน้าบ้านแล้วเริ่มสาธยาย พอพูดถึงคำว่า "แมนดาริน" ก็เกิดวิวาทะกับหนุ่มฝรั่งคนหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างถือดี คิดว่าตัวเองรอบรู้ หนุ่มเวียดถามด้วยความไม่พอใจว่ารู้จักแมนดารินหรือเปล่า? ฝรั่งอึกอักตอบว่า "คนจีน" ไกด์แสดงสีหน้าเย้ยหยันแล้วบอกว่าเป็นคนเวียดนาม จริง ๆ แล้วไม่มีใครผิด นอกจากจะหมายถึงจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่แล้ว แมนดารินก็คือพวกขุนนางหรือข้าราชการระดับสูงของจักรพรรดิเวียดนาม วันนี้เค้าพามาดูบ้านสวนของศักดินาชาวเวียด ซึ่งก็ยังดีกว่าไปดูเรือนขุนช้างที่วัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี...
เพื่อน ๆ ตามไปดูด้วยกันนะ....
แท่นบูชาบรรพบุรุษตั้งอยู่ตรงกลาง...
จากนั้นก็เดินชมสวน ก่อนกลับไปขึ้นรถ...
ผมอยากรู้อยู่เหมือนกันว่าลูกอะไร แต่ไม่รู้จะถามใครดี!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น