วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

FB Trip ไปมะละกา - "พี่อย่าว่าผมนะ"

ทริปนี้วางแผนว่าจะเข้ามาเลเซียทางสุไหงโก-ลกอีกครั้ง เท่าที่พอจำได้...ผมเคยใช้เส้นทางนี้มา ๓ หรือ ๔ ครั้งไม่แน่ใจ


ทุกครั้งก็ต้องข้ามสะพานเชื่อมระหว่างด่านไทยและด่านมาเลเซีย เดินบ้าง นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างบ้าง แต่มีครั้งหนึ่งที่ปั่นจักรยานผ่าน คือเมื่อปี ๒๕๓๑ (หลังจากเดินทาง ๑ สัปดาห์มาจากสิงคโปร์) 


เดินทางด้วยรถเร็วขบวน 108 จากเด่นชัยถึงหัวลำโพงเกือบ ๖ โมงเช้า ผมเห็นผู้โดยสารยืนเข้าคิวรอซื้อตั๋วกันมากมาย รถเร็วขบวน 171 ไปสุไหงโก-ลกออกเวลาบ่ายโมงตรง ผมต้องซื้อตั๋วไว้ก่อน ค่าโดยสารชั้นสาม ๒๙๐ บาท (ช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน ผู้สูงอายุเหลือ ๒๐๐ บาท) ซื้อตั๋วได้แล้วก็ไปนั่งรอที่เก้าอี้ผู้โดยสารในห้องโถงด้านหน้า คนเยอะมากครับ อากาศก็ร้อนอบอ้าว จน ๘ โมงครึ่งทางสถานีถึงได้เปิดพัดลมไอเย็น แม้จะอีกตั้งหลายชั่วโมงผมก็รอได้ ไม่เคยรู้สึกว่ามันนานหรือน่าเบื่อ มีภาพชีวิตของผู้คนและนักเดินทางทั้งไทยและเทศให้ได้เห็น...


หยิบข้าวหลามที่ซื้อจากบนรถไฟออกมากิน นี่คืออาหารราคาประหยัดระหว่างการเดินทางของผม!


ชายคนนึงขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ ดูแล้วอายุอานามก็คงพอ ๆ กับผม แกคุยน้ำไหลไฟดับและสอดส่ายสายตาไปทั่ว ผมแสร้งนั่งหลับตา พยายามทำใจให้สงบ ไม่ได้ให้ความสนใจ! แต่แล้วก็ต้องติดกับ เมื่อถูกถามถึงเจ้า Banian จักรยานพับสีเขียวใบไม้ที่ตั้งไว้ข้างตัว พอได้คุยก็ยิ่งติดลม...ผมเริ่มหลงในคารมของชายที่อ้างว่าอยู่ภูเก็ตและกำลังรอขึ้นรถขบวนไหนจำไม่ได้  พอรู้ว่าผมกำลังจะขึ้นรถไฟไปสุไหงโก-ลก แกก็อาสาเดินไปดูให้แล้วกลับมาบอกว่ารถไฟจอดรออยู่แล้วที่ชานชาลา ผมขอบคุณแล้วเดินหิ้วจักรยานเข้าไปยังชานชาลาด้านใน  อ้าว! ร่ำลากันแล้วทำไมยังเดินตามมาอีก?  แปลกแท้ ๆ

นำจักรยานขึ้นเก็บล็อคไว้บนชั้นวางสัมภาระแล้ว... ผมลงไปนั่งรอข้างล่าง


เขายังคงตามมาคุยด้วย เรียกผมว่าพี่ บอกว่าสนใจเรื่องการเดินทางด้วยจักรยาน ถามโน่นถามนี่ คุยนานมากจนผมเริ่มอึดอัด แต่แล้วก็ลาจากไปในที่สุด หมดเรื่อง...ผมหลบขึ้นมานั่งบนรถไฟ รู้สึกสบายใจ แม้ว่าจะต้องรออีกเป็นชั่วโมงก็ตาม!

ประมาณเที่ยงเห็นจะได้ อยู่ ๆ ชายคนเดิมก็โผล่หน้าขึ้นมา พยักพเยิดให้ไปคุยด้วยตรงช่วงต่อโบกี้ ผมนึกไม่ถึงเหมือนกัน เมื่อได้ยินแกเอ่ยปากขอตังค์ บอกว่าไม่มีค่ารถกลับบ้าน 

อ้าว...เจออีกแล้วรึนี่?  ผมถามว่าขาดเท่าไหร่ คำตอบคือ "เป็นร้อย"  "โห! ไม่มีหรอก" ผมพึมพำในลำคอแล้วหันหลังกลับ ได้ยินเสียงตามมาว่า "เท่าไหร่ก็ได้"  ควานหาเหรียญในกระเป๋าคาดเอว รวบรวมได้เกือบ ๒๐บาท ผมหย่อนลงบนฝ่ามือที่ยื่นรับ ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากปากนักพูดลิงหลับคือ "พี่อย่าว่าผมนะ"

ผมไม่ว่าหรอก แต่ตำหนิตัวเองที่หลงคารมคนง่ายเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่เคยโดนหลอกมาหลายต่อหลายครั้ง สูญเงินไปก็มาก ทำไมถึงไม่เข็ดซะที!

ดีนะที่ไม่หลวมตัวไปมากกว่านี้!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น