วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พระเจดีย์วัดชัยมงคล เชียงใหม่

จากวัดศรีดอนไชย (1) ผมย่ำต๊อกไปเรื่อย ๆ ตามถนนศรีดอนไชยไปทางแม่น้ำปิง...



ถึงถนนเจริญประเทศ (3) ถนนที่เคยปั่นจักรยานไปโรงเรียนมงฟอร์ตอยู่หลายปี เลี้ยวขวาเดินไปอีกไม่ไกลก็เห็นซุ้มประตูโขงวัดชัยมงคล (2) ตั้งเด่นชัดทางด้านซ้ายมือ...





วัดชัยมงคลเป็นวัดมอญ ตั้งเลขที่ ๑๓๓ ถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตกล่าวว่า...
วัดชัยมงคลเดิมเป็นวัดมอญ (เม็ง) ชื่อวัดมะเล่อ หรือมะเลิ่ง (แปลว่า รุ่งแจ้ง, รุ่งอรุณ) ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยพระราชชายาดารารัศมีขอพระราชทานเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดชัยมงคล (ริมปิง) เพราะเหตุที่ว่าท่าน้ำเป็นท่าลงเรือเจ้านายฝ่ายเหนือจะล่องไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบางคนก็เรียกว่า อุปาเม็ง หรือ อุปานอก เพราะถือว่าเป็นวัดพี่วัดน้องกับวัดบุพพาราม (อุปมาใน) แต่เดิมอุโบสถของวัดตั้งอยู่ในลำน้ำริมปิงติดกับกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียง เหนือ พอถึงฤดูน้ำหลากมีซุงไหลมาชนโบสถ์เสียทำให้สังฆกรรมไม่ได้ ในปี พ.ศ.๒๔๗๘ ครูบาดวงแก้วจึงขอพระราชทานวิสุงคามสีมา และปลูกสีมาฝังลูกนิมิตเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙  จึงทำให้อุโบสถ์ซ้อนวิหารเป็นหลังเดียวกันในปัจจุบันนี้
เชียงใหม่นิวส์กล่าวถึงประวัติวัดชัยมงคลว่า...
วัดชัยมงคลเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง สร้างในสมัยไม่ปรากฏหลักฐานประมาณกันว่ามีอายุราว 600 ปี เดิมเนื้อที่ของวัดเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยยาวไปทิศเหนือ-ทิศใต้ ด้านทิศตะวันตกตั้งแต่เจดีย์ออกไปถึงถนนใหญ่เป็นบ้านพักกงสุลฝรั่งเศส ครูบาดวงแก้ว คันธิยะ อดีตเจ้าอาวาสเห็นว่าต่อไปคนจะมาทำบุญจะหาทางเข้าวัดลำบาก เพราะถนนเลียบฝั่งแม่น้ำปิงถูกกัดเซาะพังไปหมด ครูบาดวงแก้วจึงเจรจากับรัฐบาลฝรั่งเศสเพื่อขอแลกที่ดิน ด้านทิศเหนือแลกกับทิศตะวันตกเพื่อให้ที่ดินของวัดและกงสุลเป็นรูปสี่ เหลี่ยมด้านเท่ารัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้ตกลงตามข้อเสนอ ครูบาดวงแก้วจึงได้ดำเนินการย้ายเจดีย์หลังเก่าซึ่งติดกับรั้วของกงสุลฝรั่งเศส มาสร้างใหม่เป็นทรงมอญ (เม็ง) (5)

อาคาร ๔ ชั้นหลังใหญ่จะเรียกว่าอะไร? อาจเป็นศาลาการเปรียญยุคใหม่ผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่เห็นชัดว่าใช้สีสวยสดงดงามทันสมัย!





แต่ที่สะดุดตาคือพระเจดีย์สีทอง (5) ตั้งอยู่ตรงข้าม...








บันทึกภาพมาฝากเพื่อน ๆ แล้วเน้อ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น