วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

FB Trip ไปมะละกา - น้ำใจตำรวจมาเลเซีย

ปลายปี ๒๕๓๐ ผมปั่นจักรยานจากหาดใหญ่ไปสิงคโปร์  วันที่ ๒๔-๒๗ พฤศจิกายน พักอยู่บนเกาะปีนัง วันที่ ๒๘ ถึงกัวลาลัมเปอร์...  เดินทางถึงมะละกาช่วงต้นเดือนธันวา!


ที่ยังพอจะบอกได้ เพราะมีตัวเลขปรากฏอยู่ในหนังสือและหน้าซอง aerogramme


มันทำให้ผมนึกถึงการเดินทางจากมะละกา (Malacca)ไปโจโฮร์บะฮ์รู (Johor Bharu) ผมต้องปั่นจักรยาน ๒ วันเต็มด้วยระยะทางประมาณ ๒๓๐ กิโลเมตร ก่อนที่จะข้ามไปยังสิงคโปร์  จากมะละกาผมใช้เส้นทางเลียบฝั่งทะเลผ่าน Muar และ Batu Pahat  สมัยนั้นยังไม่เจริญนะครับ ต้องปั่นจักรยานผ่านเมืองเล็ก ๆ หมู่บ้านชาวประมง สวนมะพร้าว ปาล์ม และยางพารา ไปตามถนนลาดยางเลียบชายฝั่ง บางครั้งเข้าใกล้จนถึงขนาดได้กลิ่นเกลือจากทะเล...

ภาพจาก google maps

ที่ผมอยากจะพูดถึงวันนี้ ก็ด้วยเรื่องน้ำใจของตำรวจมาเลเซีย (ต้องขออนุญาตนำภาพ Malaysian Police มาโพสต์ประกอบด้วย ๑ บาน)...

Malaysian Police - ภาพจากอินเทอร์เน็ต

ที่จะนำมาเล่าก็คือวันที่ผมเดินทางออกจากมะละกา หลังจากปั่นจักรยานไปได้เกือบ ๑๐๐ กิโลเมตร ถึงเมือง ๆ หนึ่งก็พลบค่ำพอดี ตั้งแต่ออกจากหาดใหญ่ผมตั้งเต๊นท์นอนข้างทางมาแล้ว ๒-๓ ครั้ง จึงมิได้วิตกในเรื่องพักแรมข้างทาง ได้ยินเสียงและกลิ่นทะเลทางด้านขวามือ...ผมหักรถเลี้ยวเข้าไปตามเส้นทางเล็ก ๆ กะว่าถ้าเจอชายหาดก็จะไปตั้งเต๊นท์นอนใต้ต้นมะพร้าวหรือที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ซึ่งก็มิได้เป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับผม แต่พอขี่จักรยานไปได้สักพักความมืดก็ปกคลุม แสงที่พอจะช่วยให้มองเห็นรอบข้างก็หายวับไป คล้ายกับปิดสวิชหลอดไฟที่บ้าน ผมมองไม่เห็นอะไรเลย! มารู้ตัวอีกทีก็กำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืด เห็นแต่แสงไฟจากหัวถนน!  ไม่สามารถไปต่อได้ จะตั้งเต๊นท์อยู่แถวนั้นก็มองอะไรไม่เห็น ผมต้องหันหลังกลับแล้วขี่จักรยานออกถนนใหญ่ เลี้ยวขวาแล้วปั่นไปได้นิดเดียวก็พบสถานีตำรวจอยู่ริมทาง เป็นอาคารขนาดใหญ่กว่าตู้คอนเทนเนอร์ไม่มากนัก ผมจอดจักรยานไว้แล้วเข้าไปขอพักค้างคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลย์ใจดีจัดให้ผมได้นั่งหลับบนเก้าอี้ผ้าใบในห้องทำงานของเขา เช้าวันรุ่งขึ้นผมจึงได้เดินทางต่อ นั่นคือความมีน้ำใจของตำรวจมาเลเซียที่ได้พบประสบมา...

๓๑ ปีต่อมา วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๑ เวลาประมาณเที่ยงวัน ผมปั่นจักรยานจากศูนย์การค้า Pantai Timor (P1) ไปตามทางหลวงหมายเลข 3 



ระยะทางประมาณ ๔ กิโลเมตร เห็นป้ายบอกทางไป Pasir Mas และ Kota Bharu อยู่ด้านซ้ายมือ 

ภาพจาก google street view - thanks!

ข้างหน้าเป็นสี่แยก (P2)  หากเลี้ยวซ้ายไป Gual Periok ถ้า Pasir Mas ก็ต้องตรงไป.... 

ภาพจาก google street view - thanks!

ขี่จักรยานผ่านสี่แยก ถึงจุดที่เห็นมอเตอร์ไซค์อยู่ในภาพต่อไปนี้...

ภาพจาก google street view - thanks!

ดูเหมือนว่าจะมีลูกระนาดหรืออะไรซักอย่างที่ทำให้ล้อจักรยานเด้งขึ้น แล้วเกิดเสียงดังแกร๊กใหญ่จากด้านหลัง ผมหยุดรถก้มสำรวจดู พบว่าส่วนล่างของเป้ข้างซ้ายยึดไว้ไม่แน่น พอรถสะเทือน มันก็เลื่อนเข้าไปขัดกับซี่ล้อรถ...


เสียงดังพอที่ทำให้ตำรวจมาเลย์หนุ่มคนหนึ่งซึ่งอยู่ในอาคารสถานีตำรวจรัฐบาลกลาง (UPP Cabang Empat Salam) ต้องเดินออกมาดู....


"โปลิสใจดี" เรียกให้ผมนำจักรยานเข้าไปหลบแดดอยู่ที่โรงรถอยู่ตรงมุมถนน แล้วช่วยผูกมัดเป้ให้แน่นหนากว่าเดิม ผมไม่ได้ขอ...เขาก็ทำให้ จนมั่นใจว่ามันจะไม่เลื่อนเข้าไปขัดกับซี่รถอีก ช่างมีน้ำใจแท้ ๆ... ตำรวจมาเลย์!

วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๑ ผมปั่นจักรยานจาก Gemas (M1) ตั้งใจว่าจะให้ถึงเมืองมะละกาก่อนค่ำ


๐๙.๕๐ น. ผมปั่นจักรยานถึงเมือง Selandar  เริ่มไม่แน่ใจในเส้นทางที่จะไปเมืองมะละกา จะต้องไปอีกไกลมั้ยหนอ? ที่สำคัญคือ...อยากรู้ว่ามาถูกทางหรือเปล่า?  มือไวเท่าความคิด ผมหักเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าสถานีตำรวจเมือง Selanda ทันที...


สอบถามถึงเส้นทางไปเมืองมะละกา ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากตำรวจมาเลเซีย ผมมีความรู้สึกประทับใจและบอกตัวเองว่านี่แหละคือเจ้าหน้าตำรวจในสหพันธรัฐผู้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพคุ้มกับเงินภาษีอากรของประชาชน  ตำรวจหญิงรูปร่างท้วมคนหนึ่งเขียนแผนที่ลงบนแผ่นกระดาษ เธอบอกให้ผมขี่จักรยานไปจนถึงวงเวียน แล้วเลี้ยวไปที่ ๓ นาฺฬิกา ปั่นตรงไปเรื่อย ๆ อีก ๕ กิโลเมตรจะถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายไปเมืองมะละกา....


ผมปั่นจักรยานไปตามคำแนะนำ มองเห็นรถตำรวจที่จอดอยู่ในสถานีวิ่งแซงขึ้นมา อาหมาต๋ายิ้มและโบกมือให้...


เห็นได้ว่าตำรวจมาเลเซียช่างมีน้ำใจและเป็นมิตรกับประชาชนดีแท้!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น