วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

วัดทาดอยแก้ว ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จ.ลำพูน

วัดทาดอยแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ ๑๑๖ หมู่ที่ ๑๒ ตำบลทาสบเส้า อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน...
 
 
เว็บแหล่งศิลปกรรมอันควรอนุรักษมีแผงแสดงแหล่งศิลปกรรมภานในจังหวัดลำพูนซึ่งน่าสนใจมาก เห็นได้ว่ามีวัดวาอารามจำนวนมาก วัดทาดอยแก้วก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น..
 

๙ เมษายน ๒๕๖๕ เที่ยงยี่สิบ... ผมปั่นจักรยานมาจอดถ่ายรูปกับซุ้มประตูวัด
 
 
ตัววัดอยู่บนเนินเขาริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ขึ้นมาข้างบนแล้วมองเห็นการจราจรเบื้องล่าง...
 
 
ถนนคอนกรีตขึ้นสู่ตัววัด... 
 
 
ประวัติวัดทาดอยแก้ว กล่าวว่าวันหนึ่งมีชาวบ้านได้เดินขึ้นดอยลูกนี้เพื่อไปหาของป่า และได้ไปพบเห็นวัตถุสิ่งหนึ่ง รูปร่างคล้ายแท่งหินสีเขียวมรกต โผล่ขึ้นมาบนยอดภูเขาประมาณ ๓ ศอก ชาวบ้านคนดังกล่าวจึงได้ลงมาจากดอยไปบอกให้เพื่อนบ้านไปดูวัตถุที่พบเห็น และได้ช่วยกันนำเอาดินเผามาปั้นทับแท่นหินดังกล่าวไว้ เพื่อมิให้ผู้ใดมาทำลาย ซึ่งได้บอกเล่าว่ามีถ้ำขนาดใหญ่ได้มีสมบัติอันเก่าแก่ล้ำค่าเช่น พระพุทธรูปทองคำ เครื่องสัตภัณฑ์ เครื่องบวชนาค เวลามีงานบวชนาคได้มาขอยืมไปใช้ ซึ่งต่อมาเมื่อมีความโลภยืมแล้วไม่ได้นำไปคืนเจ้าของถ้ำจึงได้ทำการปิดปากถ้ำ และต่อมาจึงได้เรียกชื่อหมู่บ้านว่า บ้านผาตั้ง มาจนถึงทุกวันนี้ และในเวลาต่อมาลูกเจ้าเมืองเชียงใหม่ ชื่อแม่นางมัคเกสร ได้มาบวชชีนุ่งขาวห่มขาวบำเพ็ญกุศล ณ ที่แห่งนี้จนถึงสวาระสุดท้ายได้ถึงแก่กรรมลง และได้ประทับร่างทรงช่วยเหลือชาวบ้านตลอดต่อมาชาวบ้านได้ประชุมตกลงเห็นควรว่าจะทำการสร้างองค์พระธาตุครอบแท่งหินไว้ เพื่อความเป็นศิริมงคลกับหมู่บ้านและผู้ที่มากราบไหว้ และได้ทำการก่อสร้างองค์พระจนสำเร็จในปี พ.ศ. ๒๔๖๖
ที่มา -  culturalenvi.onep.go.th (ขอขอบคุณ)
 
 
 เว็บวัดไทยในตำบลทาสบเส้า กล่าวถึงประวัติวัดทาดอยแก้ว...ไว้ดังนี้
ตามตำนานนั้นมีมาว่า  พระธาตุดอยแก้วนี้มีสมบัติอันเก่าแก่นับพันปี  เนื่องจากดอยแก้วเมื่อก่อนนี้มีนามว่า  ดอยก้อม เพราะว่ามีดอยอยู่ลูกเดียวเรียกว่า ดอยก้อม สืบเนื่องมาจากดอยสุเทพ เจ้าเมืองได้ส่งลูกสาว  ชื่อมัดเกสรแม่นางบ่มีลูก ได้มาบวชชีปฏิบัติธรรมที่ดอยก้อมแห่งนี้ และถึงกรรมลง   ปัจจุบันแม่นางยังทรงร่างอยู่ที่ดอยก้อม (ดอยแก้ว) แห่งนี้

มีถ้ำอยู่อยู่ด้านล่างมีขนาดใหญ่มากมีน้ำไหลผ่าน ในถ้าจะมีของล้ำค่า เช่นพระพุทธรูปทองคำ และแก้มมณีต่าง ๆ มีรั้วหยกรั้วดาบ มีของใช้ในพิธีต่างๆ ในสมัยก่อนก็เคยยืมมาใช้ในพิธีกรมต่อมาเมื่อคนมีความโลภเมื่อยืมและไม่คืน ทางเจ้าของถ้ำจึงปิดปากถ้ำโดยเอาหินมาปิด เรียกว่า ผาตั้ง เลยใช้ชื่อหมู่บ้านผาตั้ง เป็นต้นมา  

เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2415 เกิดอภินิหารพระธาตุผุดขึ้นมาจากดินสูง 3 ศอก เป็นเหมือนเจดีย์สีเขียวมรกตสวยงามมาก  ชาวบ้านจึงได้นำเอาดินเหนียวมาปั้นไว้ และตั้งสิจจะอธิฐานว่าจะสร้างเป็นเจดีย์ ก็ได้นำดินมาพอกขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง พ.ศ. 2461  มีการบูรณะใหญ่โดยไปนำปูนขาวมาผ่านกรรมวิธี แล้วจึงนำมาฉาบเป็นองค์เจดีย์แล้วเสร็จปี พ.ศ. 2466 และได้บูรณะอีกเมื่อปี พ.ศ. 2509 ในสมัยพระครูบุญมา บุญญสาโร เป็นเจ้าอาวาส  จนถึงปัจจุบัน
ใช้บันไดนาค (1) เดินขึ้นไปก็ได้ครับ...
 
 
 
สูงง่ะ...เหนื่อยหน่อยนะ  ขึ้นมาถึงข้างบน ทักทายกับท่านสิงห์แล้วให้หายใจลึก ๆ จะได้ไม่หน้ามืดเป็นลม!
 
 
บริหารจัดการดี วัดนี้มีผังบริเวณวัด ทำให้ทราบว่าแต่ละจุดเป็นอะไร (ผมจะได้ไม่ต้องคาดเดาด้วยความเขลาเบาปัญญา) 
 


ให้ความรู้แก่ผู้มาเยือน "หอเสื้อวัด"  ติดป้ายบอกไว้ด้วยยิ่งดี...
 

หอระฆังใครก็รู้จัก...
 



อาคารหลังคาสีเขียว...ในแผนผังวัดบอกว่านี่คือโรงครัว (5) 
 


 
 
ศาลาครูบา (6)

 
 
เห็นเพิงหมาแหงน... คิดว่านักปั่นจักรยานท่องโลกน่าจะมาขอนอนค้างคืนที่นี่ได้


อยากบอกดัง ๆ ว่า "ตุ๊เจ้าหละปูนใจ๋ดีเน้อ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น