เดินทางมาถึงมัณฑะเลย์แล้วได้เข้าที่พักตั้งแต่บ่ายโมง นับว่าเป็นกำไรสูงสุด ผมตั้งใจจะใช้เวลาแต่ละนาทีอย่างมีค่า บ่าย ๒ โมง…ได้เวลาออกทัวร์! ก่อนแต่งตัวออกจากเกสต์เฮ้าส์ ผมลงไปอาบน้ำ แล้วถือโอกาสถ่ายภาพห้องน้ำ(รวม)มาให้เพื่อน ๆ ดู
โปรดกรุณาอย่าต่อว่าผมเลย ที่นำภาพห้องน้ำสกปรก ๆ หรือห้องนอนแคบ ๆ มาโพสต์ไว้ ภาพดูไม่สวยงาม (แตกต่างกับที่นอนหรือห้องน้ำในโรงแรมหรูอย่างที่นักเดินทางหลายท่านนำไปโพสต์ไว้ในเว็บ) เพื่อจะได้มาก็ต้องพกกล้องลงไปอาบน้ำด้วย ผมอยากให้เพื่อน ๆ ได้เห็นว่า การท่องเที่ยวแบบติดดินเช่นผม จะต้องพบกับความไม่สะดวกสบายอย่างไรบ้าง
อย่างเช่นในห้องน้ำ มันจะมีแมลงสาบซึ่งผมทั้งเกลียดทั้งกลัวออกมาทักทายทันทีที่ก้าวเข้าไป….
แต่งตัวเสร็จผมออกจากห้อง ก้าวลงบันไดด้วยความระมัดระวัง พอเท้าสัมผัสพื้นเมื่อใด… ก็ปลอดภัยเมื่อนั้น!
แม้จะมีแผนที่เมืองมัณฑะเลย์ดาวน์โหลดเก็บไว้ในมือถือ แต่มันไม่สะดวกที่จะใช้ ผมจึงขอ free map ซึ่งทางเกสต์เฮ้าส์ถ่ายเอกสารไว้แจกมา ๑ ใบ พร้อมกับซื้้อน้ำเย็นมาด้วย ๑ ขวด (๓๐๐ จ๊าด)
ก้าวออกมายืนอยู่ด้านหน้าโรงแรม…ผมสูดหายใจเต็มปอด รู้สึกดีใจที่ตัวเองได้มายืนอยู่ในมัณฑะเลย์สมความตั้งใจ
จาก Royal Guest House เดินไปทางพระราชวัง ยังนับก้าวได้ไม่มาก…ผมก็ถึงสี่แยก
ที่หัวมุม (จุดเหลือง) ผมเห็นแม่ค้ากำลังขายอะไรอยู่ก็ไม่รู้!
หยุดดูก่อน… ผมเห็นผู้เป็นสามีกำลังขูดมะพร้าว
ชายชาวพม่าเชื้อสายอินเดียคนหนึ่งเรียกให้ผมได้ลองชิม…
อีกคนหนึ่งชวนให้นั่งร่วมโต๊ะ…
ผมยกนิ้ว ๑ นิ้วบอกแม่ค้าก่อนที่จะนั่งลง รินน้ำชาอุ่น ๆ ดื่มรอ ไม่นานนักอาหาร (ถามชื่อแล้วแต่จำไม่ได้) ก็มาถึง
มองดูก็คล้าย ๆ ขนมเบื้องของไทยแต่ไม่มีรสหวาน ปราศจากเนื้อสัตว์ ไส้ประกอบด้วยมะพร้าว มะเขือเทศ ต้นหอม และอะไรอีก ๒-๓ อย่าง มาพร้อมกับใบสะระแหน่ พริกขี้หนู มะนาว และหอมแดง ผมบีบมะนาวใส่แล้วหยิบเข้าปาก ตามด้วยหอมแดง ใบสะระแหน่ กัดพริกขี้หนูแล้วเคี้ยวตาม โห…เก๋าเน่! อร่อยจัง!
ให้มา ๒ ชิ้น ยังไม่พอ ผมสั่งมาอีก ๒ ชิ้น กินจนเกลี้ยงก็อิ่มพอดี! วันนี้ไม่ต้องกินอีกแล้ว…
ผู้คนที่เห็นผมนั่งกินเช่นนี้ต่างให้ความเป็นกันเอง ผมสังเกตความพึงพอใจได้จากคำพูดและสายตาที่มองมา!
กินเสร็จแล้วเรียกเก็บตังค์ ผมได้ยินว่า”โฟร์ฮันเดร็ด” โห…ชิ้นละ ๑๐๐ จ๊าดเท่านั้น!
ค่าอาหารมื้อแรกในมัณฑะเลย์ของผม เทียบเป็นเงินไทยแล้ว…แค่ ๑๔ บาทเอง!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น