แม้ไม่มีป้ายบอกราคาและพูดจากันไม่รู้เรื่องจริง ๆ ผมก็มีวิธี คือจะยิ้มให้แม่ค้าก่อน แล้วชี้ไปยังผลไม้ที่อยากซื้อ ถือตังค์ย่อยไว้ในมือยื่นให้แม้ค้าเลือกหยิบเอาเอง เท่าที่ผ่านมาถ้าเป็นแม่ค้าแม่ขายบ้านนอก ผมก็ไม่เคยโดนโกงนะ คือได้ราคาเท่ากับคนอื่น แต่ถ้าเป็นในแหล่งท่องเที่ยวหรือกับพ่อค้าแม่ค้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ ราคาก็จะสูงกว่า
ไปต่างแดน ทางที่ดีควรเรียนรู้ภาษาของเค้าไว้บ้าง อย่างน้อยก็พอให้ทักทายและซื้อของกินได้ก็ยังดี เพื่อน ๆ จะมีความสุขกับการเดินเที่ยวตลาดมากขึ้น...
พูดถึงเรื่องการซื้อผลไม้ ผมเพิ่งอ่านข่าวว่า "พาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร เทศกิจ และศูนย์อนามัยที่ ๑๐ เข้าตรวจการจำหน่ายสินค้าเทศกาลตรุษจีนพบว่า พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายผลไม้ติดป้ายแสดงราคาให้ผู้ซื้อสับสน โดยติดป้ายแสดงราคาครึ่งกิโลกรัม ทำให้ดูเหมือนมีราคาถูกกว่าปกติ ทำให้ผู้ซื้อสับสน จึงให้แก้ไขวิธีการติดป้ายแสดงราคาสินค้าเป็นราคา ๑ กิโลกรัม เพื่อไม่สร้างความเข้าใจผิดให้แก่ประชาชนผู้บริโภค..."
จริงด้วยครับ ในตลาดบ้านผมก็เคยเห็นบ่อย ๆ ที่เขียนราคาผลไม้เป็นครึ่งกิโล โดยเจตนาเขียนคำว่า "ครึ่ง" ให้ตัวเล็ก ๆ ไม่ดูให้ดีจะเข้าใจผิดคิดว่าราคาถูก พอขอซื้อ ๑ กิโล ตอนคิดตังค์กลับราคาสูงขึ้นอีก ๑ เท่าตัว ผมเจอมาแล้วครั้งนึง ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยคิดที่จะซื้อผลไม้จากแม่ค้าที่ใช้วิธีการเจ้าเล่ห์เช่นนั้นอีกเลย!
เป็นเรื่องของการเขียนที่ทำให้คนสับสนเข้าใจผิดครับ!!
ในเว็บ worstofperth.com มีภาพของ Hostel Milligan ซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมถนน Milligan และ Murray เค้าก็ใช้เทคนิคทำให้คนสับสนคิดว่าเป็น hotel ด้วยการเปลี่ยนสีตัวอักษร S ทั้ง ๆ ที่มันเป็น hostel...
ภาพจาก worstofperth.com |
ที่เขียนถึง Hostel Milligan ก็เพราะผมเคยพักอยู่ที่นั่นอ่ะ มองไปที่หน้าต่างนั่น ด้านหลังจะมีห้องแคบ ๆ ขนาด ๓ เมตร x ๔ เมตรให้เช่าพักอาศัย...
ภาพจาก worstofperth.com |
วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ ผมเขียนไว้ว่า...
ไม่ได้ทำงานหนึ่งเดือนเต็ม ได้แต่หมกตัวอยู่ใน Milligan Hostel ทั้งวันทั้งคืน อ่านหนังสือนิยายจบวันละเกือบเล่ม (ทั้งเล่ม...ถ้าสนุก) จ่ายค่า hostel อาทิตย์ละ ๓๘ เหรียญ มีแต่คนแก่นอนกิน pension บางคนไม่มีเพื่อน ต้องอาศัยเหล้าเป็นเพื่อน เวลาเดินผ่านห้องของเขาจะได้กลิ่นฉุนบอกไม่ถูก - มีอาการน้ำมูกไหล...คล้ายกับว่าร่างกายกำลังต่อสู่กับความไม่บริสุทธิ์ของอากาศใน hostelวันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศไปเขียนเรื่องเก่า ๆ หน่อยนะ!
ภายในห้องแคบ ๆ ปูด้วยพรมเก่าซึ่งหมดอายุการใช้งานแล้ว
๖ โมงกว่าต้องรีบตื่นไปเข้าห้องน้ำก่อนที่คนอื่น ๆ จะโผล่ออกมาพร้อมกับกลิ่นแปลก ๆ
หน้าต่างหันไปทางทิศตะวันออก พอ ๗ โมงแสงแดดสาดเข้ามา ตอนลุกจากที่นอน ฝุ่นละอองคลุ้งกระจายมองเห็นได้ชัดเจนบนลำแสงที่สาดเข้ามา ส่วนตอนกลางคืน เพื่อนแมลงสาบก็ออกมาเดินพาเหรดพร้อม ๆ กับเพื่อนยุงที่บินว่อน ตอนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ ต้องใช้สำลีอุดหู เพราะกลัวแมลงสาบเข้า พอไปซื้อยามาฉีดก็ค่อยยังชั่วหน่อย...
การกินอยู่ที่ Milligan Hostel แม้จะลำบากและซ้ำซากแต่ก็ทนได้ ปัญหาอยู่ที่ว่าตกงาน ได้แต่นอนคิด จนเกิดความรู้สึกท้อแท้กับชีวิตในออสเตรเลีย ได้แต่ถามตัวเองว่ามันคุ้มค่ากับชีวิตแสนลำบากกับค่าใช้จ่ายแสนกว่าบาทเพื่อได้มาซึ่งปริญญาบัตร ๑ ใบหรือ?
วันหนึ่งไปซื้อนมมาตุนไว้ในตู้เย็นซึ่งใช้ร่วมกัน (เลือกซื้อขนาด ๒ ลิตรเพื่อจะได้ไม่เหมือนกับของคนอื่น) พอตอนเย็นจะเปิดออกดื่ม พบว่ามีคนเปิดและฉลองไปให้แล้วไม่น้อย ไม่ใช่แค่นมอย่างเดียว...ทั้งพริก ไข่ และเนย เค้าก็ช่วยใช้ ช่วงหลังจึงงดซื้อของไปตุนไว้ในตู้เย็น ทำให้อดอยากยิ่งขึ้น...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น