เท่าที่เข้าไปค้นหาข้อมูลในเน็ต คำว่า “สังแก” ภาษาเขมรหมายถึง “สะแก” ต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็กลำต้นสูงประมาณ ๕-๑๐ เมตร เป็นไม้ใบเดี่ยวดอกสีเหลืองอ่อนหรือขาวออกเป็นช่อ ถ้าเข้าใจไม่ผิด แต่ก่อนริมแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองพระตะบองถ้าจะมีต้นสังแกเยอะ คนเขมรก็เลยเรียกกันว่า “สตึงสังแก” น่าจะคล้าย ๆ กับแม่น้ำสะแกกรังที่จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเล่ากันว่าสมัยก่อนล่องเรือผ่านบ้านสะแกกรังจะเห็นต้นสะแกเต็มไปหมด!
ขอเก็บภาพแม่น้ำสังแกมาฝากก็แล้วกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าต้นที่เห็นอยู่นั่นจะใช่ “สังแก” หรือ “ต้นสะแก” หรือเปล่า? คงต้องอาศัยท่านผู้รู้!
เดือนสิงหาคมเข้าหน้าฝน ดูจากสีของน้ำที่ขุ่นแสดงว่าน้ำเริ่มหลาก ช่วงนี้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปเสียมเรียบได้สบายโดยใช้เวลาประมาณ ๕-๖ ชั่วโมง ล่องเรือจากพระตะบองไปตามแม่น้ำ ไปผ่านโตนเลสาบ ขึ้นฝั่งแล้วเดินทางต่อด้วยรถยนต์อีก ๑๐ กว่ากิโลเมตรถึงเมืองเสียมเรียบ ค่าโดยสารอยู่ระหว่าง ๑๗ ถึง ๒๑ เหรียญ แพงกว่าเดินทางด้วยรถโดยสาร แต่ได้ประสบการณ์ที่ดีกว่า…
สะพาน Sor Kheng (1) ข้ามแม่น้ำสังแกไปยังอีกฟากฝั่ง...ผมข้ามมาแล้ว!
จะนั่งเรือเที่ยวชมแม่น้ำสังแกก็ได้นะ ท่าขึ้นลงอยู่ตรงทางไปวัดโบวีล (2)...
ทางเดินเลียบริมน้ำไปจนถึงสะพานทางหลวงหมายเลข 5 (ที่เห็นข้างหน้า) มีม้าหินตั้งอยู่เป็นระยะ ๆ ตอนเย็น ๆ มีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งขายอาหารเครื่องดื่ม…
เก็บภาพมาฝากอีกหน่อย...
วันนี้ขอแค่ให้เพื่อน ๆ ได้เห็นเส้นเลือดใหญ่ของเมืองพระตะบอง...เดี๋ยวค่อยไปดูวัดด้วยกันนะครับ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น