วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทริปล้างพิษ - สิ้นสุดการเดินทาง


เช้าวันนี้ รถไฟขบวนท้องถิ่น 407 ซึ่งออกจากนครสวรรค์ตอนตีห้าวิ่งเข้าเทียบชานชาลาสถานีรถไฟอุตรดิตถ์เมื่อเวลา ๙.๐๔ น. (ช่างตรงเวลาดีแท้!)  รัฐยังขยายเวลารถไฟฟรีออกไปอีก ทำให้ผมมีโอกาสได้เดินทางด้วยรถไฟฟรีจากสถานีอุตรดิตถ์ไปยังสถานีห้างฉัตร กล่าวได้ว่าเป็นการ improvise "ทริปล้างพิษ" ให้จบลงได้อย่างราบรื่นน่าประทับใจ...  




อาจจะกล่าวได้ว่าทริปล้างพิษครั้งนี้ เป็นสุดยอดของการเดินทางที่ผมต้องยกให้ ตลอดเวลา ๘ วัน ๘ คืนนับตั้งแต่เดินทางออกจากบ้านห้างฉัตรเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ จนถึงขณะที่กำลังจะนั่งรถไฟกลับบ้าน ผมไม่เคยพบกับสิ่งเลวร้ายเลยแม้แต่น้อย ทำให้รู้สึกภูมิใจกับทริปนี้ เพราะนอกจากจะได้เข้าอบรมหลักสูตรล้างพิษ ๔ วัน ๓ คืนที่โรงเรียนผู้นำซึ่งตั้งอยู่กลางหุบเขาในตำบลหนองบัว จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ผมยังได้ปั่นจักรยานเที่ยวในตัวเมืองและในอำเภอท่าม่วง รวม ๒ วันเต็ม ๆ เป็นการเที่ยวไทยซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาต่างประเทศ ผมได้เจอแต่คนที่เป็นมิตร ได้พักเกสต์เฮ้าส์ทำเลเยี่ยม ราคาถูก เจ้าของใจดี ไม่ถูกโกงเหมือนไปเวียดนาม ไม่ต้องระวังตัวทุกย่างก้าว ไม่พบสายตาที่มองด้วยความเกลียดชัง  เพราะที่นั่นคือ "กาญจนบุรี" เมืองท่องเที่ยวที่ประทับใจมาก ๆ

ผมมีภาพและเรื่องที่จะเล่ามากมาย แต่ต้องแบ่ง... โดยตั้งใจว่าจะเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวลงในบล็อกนี้ แล้วเล่าเรื่องการล้างพิษตับครั้งแรกของผมในบล็อกช่างเหอะ เพื่อน ๆ คอยติดตามอ่านนะครับ กลับมาวันนี้ผมอยากเล่าเรื่องการเดินทางก่อนปิดฉาก เพื่อรายงานให้เพื่อน ๆ ทราบว่า "ทริปล้างพิษ" ของผมได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อบ่ายวันนี้!

รถดีเซลรางขบวนท้องถิ่นเท่านั้นที่จะจอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีห้างฉัตร ถ้าเป็นรถเร็ว รถด่วน หรืออื่น ๆ จะวิ่งผ่านไปหมด  วันนี้รถไฟขบวน 407 พาผมเข้าสู่สถานีห้างฉัตรตรงตามเวลาที่ระบุไว้ในตั๋วโดยสารคือ ๑๒.๔๕ น. ....


ผมก้าวลงจากรถไฟด้วยความยินดี อย่างนี้แหละคือการเดินทางสไตล์ลุงน้ำชาซึ่งอาจจะไม่เหมือนใคร!


การเดินจากสถานีรถไฟห้างฉัตรไปยังบ้านซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า ๓ กิโลเมตร ท่ามกลางแดดร้อนจ้า อาจทำให้ coda หรือบทเพลงบทสุดท้ายของการเดินทางครั้งนี้ไม่ไพเราะ หรือไม่นำมาซึ่งความสุข แต่กลับทำให้ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอย่างหนัก ถึงกระนั้นผมก็คิดว่าการ improvise ครั้งนี้เหมาะสมแล้ว!

ผมได้ฝึกความอดทนอีกครั้ง หลังจากผ่านบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง วันนี้มีเป้ ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ใส่ของมาจากอุตรดิตถ์ กล้องถ่ายรูป และกระเป๋าคาดเอว ซึ่งน้ำหนักรวมกันแล้วชั่งได้ ๕๔ กิโลกรัม เท่ากับว่าจะต้องแบกคน ๑ คนพาไปด้วยตลอดเส้นทาง ๓ กิโลเมตรจนถึงบ้าน!


๑๒.๔๘ น. ผมแบกเป้ หิ้วถุง เริ่มก้าวเดินออกมาจากสถานีรถไฟห้างฉัตร (1) ความจริงถึงถนนลำปาง-ห้างฉัตร (สายเก่า) ก็แค่ ๑ กิโลเมตรนิด ๆ  แต่เที่ยงวันนี้แดดจัด เดินไปได้แค่ครึ่งทางก็เริ่มขาปัด นิ้วที่หิ้วถุงพาสติกใส่ของหนัก ๒๐ กิโลกรัมเริ่มชา เหงื่อเม็ดโป้ง ๆ ไหลย้อยลงมาตามขมับ!!  มีรถเก๋งและรถกระบะหลายคันวิ่งผ่านมาหลายคัน เค้าคงเห็นชายแก่ที่กำลังแบกเป้และหิ้วถุงขนาดใหญ่เดินแกว่งอยู่ข้างหน้า แต่ไม่มีซักคันที่คนขับยกเท้าออกจากคันเร่ง

ก้าวต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เคยคิดที่จะโบกรถ... ผมเดินไปได้อีกนิด ก็มีรถกระบะเก่า ๆ ผ่านมา คนงานซึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง ๓ คนตะโกนกันโหวกเหวกบอกให้คนขับหยุดรถ (2) หญิงฟันห่างนั่งอยู่ด้านหน้าโผล่จากหน้าต่างปราศจากกระจกออกมาถามว่า "ลุงจะไปไหน?" ผมบอกว่าจะไปสี่แยกห้างฉัตรโน่น  พอดีเค้ากำลังจะเข้าเมือง (เลี้ยวซ้าย) แต่ก็ยังมีน้ำใจอาสาพาไปส่งที่ปากทาง (3) ผมกระโดดขึ้นรถ แม้ระยะทางสั้น ๆ (เส้นสีน้ำเงิน) แค่ไม่กี่ร้อยเมตร แต่มันก็ทำให้ได้เห็นน้ำใจของคน...

ลงรถที่ปากทาง (3)...ผมบอกขอบคุณ แล้วแบกเป้เดินข้ามถนน เข้าซอยแล้วลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ผ่านบ้านเรือนและทุ่งนา ด้วยระยะทางเกือบ ๒ กิโลเมตร จริง ๆ แล้วถ้าเฉพาะเป้หนัก ๓๐ กิโลกรัมก็คงไม่เป็นปัญหา แต่เจ้าถุงหนัก ๒๐ กิโลกรัมที่หิ้วมาด้วย มันทำให้ชาไปทั้งแขน ผมต้องบอกตัวเองให้สู้ต่อไปด้วยการนับแต่ละก้าว พยายามหายใจเข้าออกอย่างลึก ๆ ตามแบบที่เพิ่งไปฝึกมาจากหลักสูตรล้างพิษฯ  ช่วงสุดท้าย ผมรู้สึกว่าวัดดอนมูล (4) มันช่างไกลเหลือเกิน แต่ก็เดินถึงถนนใหญ่จนได้  ไปหยุดนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าวัดก่อน แล้วค่อยเดินต่อจนถึงศาลาหน้าร้านอาหารอาจารย์ตุ๋ (5)  ผมพักเพื่อเอาแรง...ปลดเป้ออกวางรวมกับเจ้าถุงหิ้วที่ทำให้นิ้วหงิก (แม้จะใช้ผ้าเช็ดหน้ารองแล้วก็ตาม)


ถ่ายรูปชายที่เพิ่งไปล้างพิษตับมาให้เพื่อน ๆ ดูหน่อย...


มองไปทางบ้าน... ผมบอกตัวเองว่า "ใกล้ถึงแล้ว"


ในที่สุดก็ถ่อสังขารจนถึงหน้าบ้าน...


ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟห้างฉัตรมาประมาณ ๔๕ นาที... ผมปิดฉาก "ทริปล้างพิษ" เมื่อเวลา ๑๓.๓๖ น. ด้วยความยินดีในสิ่งที่ทำมา!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น