รถไฟวิ่งผ่านช่องแคบ บางแห่งมีหญ้าแห้งกำลังลุกไหม้ ผมสัมผัสได้กับไอร้อนที่ผ่านหน้าต่างเข้ามา จมูกก็ได้กลิ่นควันไฟ รถไฟวิ่งเร็วไม่ได้ ต้องคลานไปช้า ๆ...
ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง...ผู้โดยสารชาวพม่าคงเบื่อหน่ายกับการเดินทางอันยาวนาน มีหลายคนนั่งหลับ
ในขณะที่ผมตื่นตาตื่นใจไปกับภาพที่เห็นข้างทาง...
ตัดไม้กันอย่างเนี้ย อีกหน่อยก็จะเหมือนเมืองไทย ซึ่งเหลือพื้นที่ป่าอีกไม่มากแล้ว!
การเดินทางเช่นนี้ ทำให้ผมได้เห็นอะไร ๆ มากกว่าชะโงกทัวร์...
ทางด้านซ้ายมือ ผมเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่...
เมื่อตื่นขึ้นมา...เค้าก็ง่วนอยู่กับ notebook! อืมม..ต้องพูดภาษาอังกฤษได้แน่ ผมคิดในใจก่อนที่จะลุกขึ้นไปทักทาย "มิงกาลาบา" แล้วสอบถามถึงสถานีนาบ้า
จริง ๆ ด้วย...ผมเจอคนที่คุยกันรู้เรื่องแล้ว เป็นคริสเตียนวัย ๕๐ ปีที่พูดภาษาอังกฤษได้ ชื่อว่า Zaonoi เขาเคยไปเรียนที่แผนกพระคริสตธรรม มหาวิทยาลัยพายัพ ๓ เดือน พอจะพูดไทยได้บ้างนิดหน่อย Zaonoi บอกว่ารับใช้พระเจ้าอยู่ที่เมือง Namti รัฐคะฉิ่น โดยอุปถัมภ์เด็กกำพร้าไว้ ๕ คน (กำลังจะรับเพิ่มอีก) เราคุยกันถูกคอ เขาเชิญชวนว่าถ้าผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวพม่าอีกครั้ง ก็ขอให้ไปเที่ยวบ้าน เราได้แลกเปลี่ยนที่อยู่และอีเมลแอดเดรสซึ่งกันและกัน...
๑๒.๒๒ น. Zaonoi บอกว่าสถานีข้างหน้าคือสถานีนาบ้า ผมนำเป้ลงมาเตรียมไว้...
รถไฟลดความเร็วลง ผมกล่าวอำลา Zaonoi และเพื่อนร่วมเดินทางซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามทั้ง ๒ คน แล้วไปยืนต่อคิวเตรียมลง....
เมื่อรถจอดสนิท ผมก้าวลงสู่พื้นชานชาลาสถานีนาบ้าด้วยความตื่นเต้น...
Katha คือจุดหมายต่อไป! แล้วผมจะไปได้อย่างไรหละ?