นั่นไง...รถมาจอดรับแล้ว เป็นรถหรูจริง ๆ ด้วย!!
ต้องนั่งรออีกกว่าครึ่งชั่วโมง พอใกล้เวลาผมก็ข้ามถนนไปยืนรออยู่ที่หน้าร้านขายของชำ ไม่นานนักรถโดยสารคันหนึ่งก็มาจอดรับ ไม่ใช่รถแบบที่มารับฝรั่ง แต่เป็นรถแบบเดียวกับรถ ป.2 บ้านเรา ที่แปลกตาก็คือการจราจรต้องขับชิดขวา (เหมือนประเทศลาว) แต่กลับใช้รถพวงมาลัยขวา ผมต้องเดินไปขึ้นรถที่กลางถนน แทนที่จะขึ้นจากริมทาง...
บนรถมีแต่คนหัวดำ...
คงจะช้าจริง ๆ ด้วยแหละ แต่ผมก็ชอบ เพราะทำให้ได้เห็นภาพชีวิตชาวพม่าได้ใกล้ชิดกว่าการเดินทางด้วยรถโดยสารซึ่งวิ่งเร็ว รวดเดียวถึงปลายทาง เห็นว่ากว่าจะถึงมัณฑะเลย์ก็บ่าย ๓ หรือบ่าย ๔ รถไฟที่ผมจะขึ้นออกตอนหัวค่ำ มีเวลาเหลือเฟือ จะช้าก็ไม่เห็นเป็นไร
บางแห่งจอดนานเพื่อรอผู้โดยสาร ทำให้ผมได้เห็นชีวิตจริงของชาวพม่าซึ่งมิใช่ภาพลวงตาที่เอาไว้อวดนักท่องเที่ยวแต่อย่างเดียว...
ภาพผู้โดยสารลงฉี่ข้างทางอย่างเนี้ย... ถ้านั่งรถทัวร์มาก็คงไม่ได้เห็น!
ลักษณะถนนหนทางเป็นเช่นนี้...
วิ่งไปได้เกือบ ๒ ชั่วโมง รถก็ไปจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง...
ปล่อยให้ผู้โดยสารได้รับประทานอาหารกลางวัน...
ผู้โดยสารส่วนหนึ่งนั่งรออยู่ใต้ต้นไม้...ไม่ได้เข้าไปนั่งกินอะไร
ท่านชายเชิญทางนี้ครับ...
หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อ รถวิ่งไปอีกนาน พอเห็นร้านรวงต่าง ๆ หนาตา ผมก็เดาได้ว่าเมือง Meiktila คงจะกำลังรออยู่ข้างหน้า!
วิกิพีเดียกล่าวว่า...
เมะทีลา เป็นเมืองทางตอนกลางของประเทศพม่า อยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเมะทีลา เป็นสถานที่ตั้งของกองทัพอากาศพม่า มีมหาวิทยาลัยวิศวกรรมอากาศยาน อยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ไปทางทิศใต้ 121 กิโลเมตร เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา
นั่นไง...ทะเลสาบเมะทีลา
ป้ายข้างทางบอกผมว่าคิดถูกแล้ว ถ้าผมวางแผนที่จะขึ้นรถไฟที่สถานี Thazi ไป Kalaw ผมก็จะต้องลงค้างที่นี่ ๑ คืน...
ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะมาเมะทีลาเพื่อตามหาคนที่เคยรู้จัก...
เมื่อเวลาผ่านมาถึง ๓๑ ปี... ป้า Tin Tin ก็คงไม่อยู่รอผมหรอก จะไปถามหาที่ไหนก็คงไม่เจอ ผมจึงขออาศัยการนั่งรถผ่านเมืองเมะทีลาในวันนี้เป็นการทำให้ฝันเป็นจริงก็พอแล้ว!
รถวิ่งถึงมัณฑะเลย์ประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น