ผมเคยเขียนเล่าว่า...
๙ กรกฎาคม ๒๕๒๖ ผมตื่นนอนประมาณตีสาม อาบน้ำสระผม เช็คเอ้าท์ แล้วนั่งรถสามล้อปั่นฝ่าความมืดไปยังท่าเรือ ค่ารถสามล้อ ๑๒ จ๊าด มาถึงก่อนเวลาดีกว่ามาไม่ทัน ผมนอนรอที่ท่าเรือ จนมีฝรั่งนักท่องเที่ยวมาเพิ่ม จึงได้ชวนกันไปขึ้นเรือ โห…มีผู้โดยสารพม่าบนเรืออยู่แล้วจำนวนไม่น้อยเลย สงสัยคงมานอนรอกันตั้งแต่เมื่อคืน! พอแสงทองเริ่มจับขอบฟ้า อีกไม่นาน…เรือก็ออกจากท่า ล่องไปตามแม่น้ำอิระวดีนั่นคือเหตุการณ์เมื่อ ๓๑ ปีที่แล้ว พอถึงวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๗ จะได้ย้อนรอยอดีตอีกครั้ง ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นกำลัง เมื่อวานนี้ถามพนักงาน Royal Guest House เธอบอกว่าจะไปท่าเรือตอนเช้ามืดต้องติดต่อล่วงหน้าให้ taxi มารับ ค่าโดยสาร ๔,๐๐๐ จ๊าด ผมไม่สนเพราะเชื่อมั่นว่าสามารถหารถไปท่าเรือได้เอง ขอให้ตื่นนอนทันเวลาเท่านั้น...
ตั้งนาฬิกาให้ปลุกตอนตี ๔ ใช้เวลาเตรียมตัวไม่นานก็พร้อมที่จะออกเดินทาง ผมออกจากห้อง ลงไปปลุกคนที่นอนเฝ้าให้ช่วยเปิดประตู คืนกุญแจห้องแล้วบอกเช็คเอ้าท์ พอก้าวออกไปยืนอยู่นอกเกสต์เฮ้าส์ มีจักรยานยนต์ผ่านมา ยกมือบอกว่าให้รอเดี๋ยว (เห็นมั้ยครับ...ผมบอกแล้วว่าในมัณฑะเลย์ คนขี่แมงกะไซค์สามารถแปลงโฉมเป็น motorbike taxi driver ได้ทุกเมื่อ) แป๊ปเดียว...หนุ่มมอเตอร์ไซค์ก็กลับมาจริง ๆ ถามว่าจะไปไหน ผมบอกว่าจะไปขึ้น slow boat ที่ jetty เค้าขอดูตั๋วเรือก่อนเพื่อความแน่ใจ เห็นตั๋วแล้วบอกว่าขอ ๒,๕๐๐ จ๊าด ผมบอกว่าทำไมแพงจัง มีคนบอกว่าจะมารับแค่ ๑,๐๐๐ เอง เค้าบอกว่านั่นเป็นราคาค่าโดยสารไปสถานีรถไฟ แต่ท่าเรืออยู่ไกลกว่ามาก ในที่สุดก็ตกลงกันได้ในราคา ๒,๐๐๐ จ๊าด (๗๐ บาท) ก่อนขึ้นนั่งซ้อนท้ายผมย้ำว่าต้องไปส่งให้ขึ้นเรือเลยนะ...
มอเตอร์ไซค์รับจ้างสมัครเล่นพาผมไปยังท่าเรือโดยใช้เวลาไม่นาน ผมหัวใจพองโต...เมื่อเห็นแสงไฟจากท่าเทียบเรือ ตรงนั้นคือที่ ๆ ผมเคยลงเรือไปพะโคะคุเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๒๖ ต่างกันเพียงว่าวันนั้นผมจ้างสามล้อให้มาส่งในราคา ๑๒ จ๊าด...
เพิ่งจะ ๔.๔๕ น.เอง! ยังมีเวลาเหลือ ผมมองผ่านเกาะกลางถนนไป เห็นแสงไฟอยู่ฝั่งถนนด้านโน้น คิดว่าน่าจะเป็นร้านน้ำชาหรือร้านอาหาร...
เดินแบกเป้ตรงไป อืมมมม...ร้านอาหารจริง ๆ ด้วย น่าจะมีอะไรให้ผมได้รองท้องก่อนลงเรือ!
เปิดแต่เช้าเพื่อให้บริการนักเดินทาง ผมเดินตรงเข้าไปทันที!
มีขายทั้งอาหารและน้ำชา เหมาะเลย!
ผมสั่งชามาดื่ม พร้อมกับเจ้าสามเหลี่ยมที่เค้ากำลังทอดอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่าเรียกอะไร คิดว่าคงไม่มีเนื้อสัตว์ มีกระเทียมและพริกขี้หนูให้มาเป็นเครื่องเคียงด้วย
ผมกินเกลี้ยง แถมยังสั่งชามาเพิ่มอีก ๑ ถ้วย...
ดื่มชาหมดแล้วอัดน้ำร้อนตาม ก่อนที่จะเขวี้ยงยา ๔ เม็ดที่เตรียมมาเข้าปาก คนแก่ที่ยังบ้าเดินทางอยู่ก็ต้องอย่างเนี้ยแหละ!! ผมกินอาหารเช้า(มืด) เรียบร้อยแล้ว ค่าเสียหายทั้งหมดแค่ ๖๕๐ จ๊าดหรือ ๒๓ บาท ในพม่าผมยังไม่เคยโดนร้านอาหารข้างถนนคิดเงินเพิ่มเลยสักครั้งเดียว ไม่ว่าที่ไหน...
จากนั้นก็กลับมาที่ท่าเรือ...
เห็นคนนอนขดอยู่บนม้าหินข้าง ๆ ทางลง...
ต้นโพธิ์ต้นนี้งัย ที่เมื่อสองวันก่อนโดนพายุพัดจนกิ่งก้านแกว่งไกวไปตามลม ตอนที่ผมมาหาซื้อตั๋วเรือ...
ผู้โดยสารกำลังมา....
ต้องค่อย ๆ เดินลงบันไดไป...
รู้แปลกใจที่เห็นคนทำความสะอาดกวาดบันไดแต่เช้ามืด!!
มีสะพานไม้ทอดไปยังท่าเทียบเรือ...
บนท่าเทียบเรือ ผมเห็นป้ายเรือโดยสารอย่างดีจากมัณฑะเลย์ไปพุกาม คิดในใจว่าเรืออย่างเนี้ยไม่ได้กินเงินผมหรอก!
จากท่าเทียบ...ผมต้องค่อย ๆ เดินไปตามแผ่นกระดานซึ่งทอดไปยังเรือลำที่จะพาผมเดินทางไปพะโคะคุอีกที
อี๊บ...ลงเรือได้แล้วจ้า!
ขึ้นบันไดไปชั้นบน...ผมหาที่นั่งติดกับเคบิน
๕.๔๕ น. เรือเปิดหวูดเสียงยาว ก่อนที่จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกห่างจากท่า มีเจ้าหน้าที่มาขอตรวจตั๋ว ผมนั่งบนเก้าอี้พลาสติก เหยียดขาสบาย ๆ ไปข้างหน้า... มองออกไปยังขอบฟ้าซึ่งเริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย!
ยกกล้องขึ้นถ่ายภาพด้านข้างไว้ ๑ บาน...
อยากรู้จังว่าบนเรือลำนี้...จะมีใครปิติเท่ากับชายคนที่ได้กลับมาทำในสิ่งที่เคยทำเมื่อ ๓๑ ปีที่แล้วบ้าง?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น