เคยเขียนบอกเพื่อน ๆ ว่า ผมชอบ improvise การเดินทางในรูปแบบไปตายเอาดาบหน้า ไม่เคยจองที่พักไว้ล่วงหน้า ไปถึงแล้วค่อยเดินหาเอา เส้นทางหรือจุดมุ่งหมายก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ สำหรับการเดินทางถึงพะโคะคุเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๗ นั้น ผมไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนว่าจะต้องพบกับความตื่นเต้น ได้แต่คาดหวังว่าทุกอย่างจะยังคงเหมือนกับเมื่อ ๓๑ ปีที่แล้ว...
ทำใจสบาย ๆ คิดว่าเมื่อเรือเข้าเทียบท่า ผมคงจะเดินลงไปพบกับความสว่างไสว ได้เห็นผู้คนมากมาย และอาจจะมีคนจาก Mya Yatanar Inn มายืนรอเรียกแขกเหมือนในอดีต ผมก็จะเดินตามเค้าไปยังที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกล แล้วก็คงจะได้พบกับ San Win เพื่อนชาวพม่าตามที่ได้คิดไว้...
๒ ทุ่มกว่า เรือลอดใต้สะพานพะโคะคุ ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำอิรวดีซึ่งยาวที่สุดในประเทศพม่า!
ผมยังรู้สึกเฉย ๆ สะพายเป้ หิ้วถุงผ้า เดินลงมายืนรอข้างล่าง...เตรียมขึ้นฝั่ง!
เวลาเรือเข้าเทียบท่า ถ้าเป็นค่ำคืนเช่นนี้ ก็ยากที่จะรู้ทิศทางว่าท่าอยู่ทางด้านซ้ายหรือขวา คนขับเรือจะเบาเครื่องแล้วบังคับเรือให้ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าเทียบอย่างเชี่ยวชาญ...
บอกแล้วไงว่า นอกจากผมแล้ว ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นลงที่พะโคะคุ ผมหัวเดียวกระเทียมลีบแท้ ๆ สาว ๆ พม่าที่เห็นก็ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลย มองออกไปมีแต่ความมืดและความอ้างว้าง!
เหมือนนักมวยกระโดดข้ามเชือก...ผมต้องข้ามไปยืนที่กราบเรือ รอให้เรือเข้าเทียบ พอได้จังหวะก็กระโดดข้าม ลงไปยืนตั้งตัวอยู่บนท่า
บนท่าเทียบเรือไม่มีวี่แววของคนจาก Mya Yatanar Inn ทั่วทั้งบริเวณอาศัยแสงจากหลอดไฟพอช่วยให้เห็น จากท่าผมจะต้องเดินข้ามไปบนแผ่นไม้กระดานซึ่งทอดไปยังฝั่งอีกที ความมืดเข้าโอบกอด...เบื้องล่างคือผืนน้ำที่เฝ้ารอให้มีคนตกลงไป ลูกน้ำคลองผู้เคยกระโดดข้ามคลองไปโรงเรียนมาตั้งแต่เด็กสลัดความกลัวทิ้งไป ตั้งสติมั่น ก่อนที่จะเดินข้ามไปยังฝั่งซึ่งอยู่เบื้องหน้า!
ไม่เห็นมีใครเลย ผู้โดยสารหายไปไหนหมด? ผมขึ้นไปยืนโดดเดี่ยวอยู่ริมถนน!
มันไม่ใช่ท่าเรือพะโคะคุอย่างที่ผมเคยมาเมื่อปี ๒๕๒๖ นี่นา!
ผมรู้สึกคล้ายกับถูกจับไปปล่อยในป่าช้ากลางดึก!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น