วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เปลี่ยนบ้าน…แต่ไม่เปลี่ยนบทบาทชีวิต

บ้านหลังใหม่ของลุงน้ำชาอยู่ที่อำเภอห้างฉัตร  เป็นอาคารพาณิชย์เหมือนเดิม แต่ลดขนาดจาก ๒ คูหามาเป็นคูหาเดียว...
 

ถ่ายรูปมาให้เพื่อน ๆ ได้ดูด้วย ห้องที่มีตู้จดหมายสีฟ้าอยู่ตรงเสานั่นแหละ มันเป็นอาคารเก่าที่สร้างมาแล้วประมาณ ๑๐ ปี

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา…คุณแม่ของน้องเอแคร์ก็ได้ช่วยทำให้บรรดาโต๊ะเก้าอี้ชุดแรกถูกลำเลียงไปอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว (ขอบคุณมาก ๆ ครับ)

 

 

วันอาทิตย์คุณพ่อของน้องเมเปิลก็ช่วยขนหนังสือตำราจำนวนหนึ่งไปเก็บไว้ที่บ้านใหม่ เมเปิลจึงเป็นนักเรียนคนแรกที่ได้เรียนไวโอลินที่นี่!

ผมจะใช้ชั้นลอยเป็นที่สอนดนตรี วงเครื่องสายของเด็ก ๆ คงจะนั่งบรรเลงกันตรงนี้!

เปลี่ยนที่อยู่ใหม่… ผมก็คงยังเป็น “ลุงน้ำชา” คนเดิม เป็น “ช่างเหอะ” ผู้ที่ทำอะไรผิด ๆ ถูก ๆ ไปตามเรื่อง (อย่างที่เขียนเล่าให้ฟังใน “บล็อกช่างเหอะ”)  ชีวิตก้าวต่อไปคงไม่มีอะไรมาก ผมอยากจะบริจาคโลหิตให้ได้อีกสัก ๒-๓ ปี (ก็ไม่รู้ว่าเค้าจะรับหรือเปล่า?) อยากจะท่องเที่ยวแล้วนำเรื่องมาเขียนในบล็อกเหมือนที่เคยทำ อยากจะสอนเด็ก ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ จนร่างกายไปไม่ไหว!

เพื่อน ๆ ที่รักครับ ผมสแกนฟิล์มได้แล้วนะ ต่อจากนี้ก็จะสามารถหยิบภาพสไลด์เก่า ๆ นำมาเล่าเป็นเรื่องเป็นราวไ้ด้ ขอเวลาให้ผมได้ย้ายบ้านก่อนเด้อ

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

FB Trip ไปเชียงแสน – บทสุดท้าย

ถเมล์เขียววิ่งจากเชียงแสน ผ่านแม่จัน เข้าสถานีขนส่งเชียงราย ๑ และเชียงราย ๒ ต่อไปยังพานและแม่ใจ...

ในที่สุดรถโดยสารปรับอากาศ Green Bus ก็วิ่งถึงสถานีขนส่งพะเยา ผมได้ยินคนขับบอกว่าเสียเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง!! ขณะที่นั่งรถมา…ผมหวังว่าเมื่อถึงพะเยาอาจจะพอมีที่ว่างให้ผมได้นั่งต่อไปลงที่ลำปาง แต่พอรถเข้าสู่สถานีขนส่งพะเยา…ก็ไม่สนใจอีกต่อไป ผมรีบลงจากรถไปขอนำกระเป๋าบรรจุเจ้า Coyote ออกจากใต้ท้องรถ ทีแรกเปิดดูด้านซ้าย อ้าว…ไม่ยักมี ต้องอ้อมไปด้านขวา เห็นกระเป๋าถูกเหวี่ยงข้ามมาอยู่ด้านนี้แบบไม่สนใจใยดี ไม่มีเวลาตรวจสอบ ตาแก่เมืองรถม้ารีบดึงกระเป๋าออกจากใต้ท้องรถทันที

ณ ชานชาลาติดกัน ผมเห็นเมล์เขียวแบบธรรมดาสายแม่สาย-เชียงใหม่จอดอยู่ นั่นแหละที่ผมเคยนั่งจากลำปางไปเชียงใหม่บ่อย ๆ ชายคนหนึ่งนั่งจำหน่ายตั๋วอยู่ที่โต๊ะ ผมรี่เข้าไปซื้อตั๋วทันที! ค่าโดยสาร ๗๑ บาท!

คนขายตั๋วฉีกตั๋วให้ แล้วบอกผมให้นำกระเป๋าขึ้นไปไว้บนรถได้เลย…

ผมยกกระเป๋าขึ้นทางประตูหลัง ชายคนที่นั่งอยู่ข้างประตูเอื้อมมือมาช่วยดึง ในที่สุดเจ้า Coyote ก็ได้ขึ้นไปนอนพักรวมอยู่กับสัมภาระอื่น ๆ ตรงที่ว่างหลังเบาะ…

หย่อนก้นลงบนที่นั่งแถวหลังได้ไม่กี่อึดใจ…รถก็ถอยหลัง แล้วเคลื่อนออกจากสถานีขนส่งพะเยา หุหุ ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิด… ผมคงพลาดรถคันนี้แล้ว!! กระเป๋า (รู้สึกว่าจะคุ้น ๆ หน้า) เดินมาตรวจตั๋ว

ถ่ายรูปสภาพของรถเมล์เขียวไว้อีก ๒-๓ บาน ก่อนที่จะเก็บกล้องใส่กระเป๋ากางเกง…

รถวิ่งผ่านอำเภองาว หยุดจอดรับส่งผู้โดยสารไปเรื่อย ๆ   “ขวัญใจคนจน” ก็เป็นอย่างนี้แหละ จะขึ้นลงตรงไหนก็บอก คนขับจัดให้อย่างใจเย็น ไม่มีการบ่นหรือแสดงอาการหงุดหงิดใด ๆ ผมไม่รู้สึกร้อนรนแม้แต่น้อย จะถึงก็ช่าง...ไม่ถึงก็ช่าง นั่งกินลมลูกเดียว (มีฝุ่นผสมด้วยเล็กน้อย)  ประมาณบ่าย ๓ โมงกว่า…เจ้าเมล์เขียวก็เลี้ยวเข้าจอดที่สถานีขนส่งลำปาง ผมหิ้วกระเป๋าจักรยานลงจากรถ พาไปที่ข้างชานชาลา รูดซิปเปิดกระเป๋านำเจ้า Coyote ออกมาประกอบเป็นจักรยานที่พร้อมจะพาผมเดินทางกลับบ้าน  (ใช้เวลานานนิดนึงเพราะมีปัญหาเรื่องความฝืดตอนปรับความสูงของอาน) ประกอบเสร็จ...ผมก็พับกระเป๋าจักรยานม้วนใส่ใน backpack สะพายขึ้นหลังแล้วปั่นออกจากสถานีขนส่งทันที!  ได้เห็นสายตาหลายคู่จ้องจับในขณะที่ผมประกอบจักรยานแล้วขี่ออกมา… ไม่รู้ว่าเค้าจะคิดอย่างไรกับตาแก่เดินทางด้วยจักรยานพับคันเล็ก ๆ

FB Trip จบลงแล้วด้วยความสุข ในจินตนาการผมแว่วเสียงฝรั่งออสซี่ที่วิจารณ์ผมใน youth hostel บนเกาะปีนังว่า “You’re an unusual Thai!”

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เมล์เขียวสามเหลี่ยมทองคำ-ลำปาง-เชียงใหม่

ช้าวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๖ หลังจากตัดสินใจยุติ FB Trip ไปเมืองสิง (เนื่องจากเจ้า Sony DSC-P200 เกิดเดี้ยงขึ้นมาโดยไม่บอกล่วงหน้า) ผมเตรียมตัว check out จากที่พัก

..

เจ้า Coyote ซึ่งยืนรออยู่หน้าห้องคงไม่รู้หรอกว่าวันนี้จะต้องกลับไปลำปาง… แทนที่จะได้ไปเชียงของ!!!
 
 
ถ่ายรูปเป้ไว้อีก ๑ บาน  ทำให้เห็นถังแก๊สที่วางไว้หน้าห้อง เป็นถังสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้แก๊สซึ่งไม่ได้ใช้แล้ว มิน่าเล่า…เ้จ้าของ guest house ถึงบอกย้ำว่าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ


เรียบร้อยแล้ว ผมไม่รอช้า ม้วนกระเป๋าใส่จักรยานใส่ลงในเป้ สะพายขึ้นหลังแล้วจูงจักรยานไปตั้งหลักที่หน้า guest house  (ไม่ต้องนำกุญแจไปคืนเพราะเค้าบอกว่าให้คาไว้ได้เลย) จะมัวรีรอไม่ได้ครับ ผมขี่จักรยานไปถึงก็รีบเข้าไปสอบถามทันที

คนขายตั๋วบอกว่ามีรถเช้า ๘ โมงเ่ช้าเที่ยวเดียว  พอผมจะซื้อตั๋วไปลงลำปาง เค้าก็บอกว่าไปได้แค่พะเยา เพราะจากพะเยามีคนจองที่นั่งไว้แล้ว คนขายตั๋วแนะนำให้ผมไปลงที่พะเยาแล้วค่อยหารถต่อไปลำปาง…

green-bus-from-chiang-saen

ได้เลย  ผมซื้อตั๋วได้แล้วก็กลับไปหาเจ้า Coyote จัดการพับใส่กระเป๋า แต่มีปัญหานิดหน่อยตอนลดอานลง เนื่องมาจากน้ำหนักตัวของผม ทำให้แกนอานเบี้ยว เลื่อนลงได้ยากมาก ผมต้องคลายตัวล็อคสุด ๆ แล้วหมุนไปหมุนมา พร้อมกับออกแรงกดไปด้่วย ในที่สุดอานก็ลดลง! ผมนำใส่กระเป๋าแล้ววางรอไว้ข้างเสา…


รถมาถึงแล้วครับ…

ผมขอให้คนขับช่วยเปิดใต้ท้องรถ แล้วนำถุงจักรยานเข้าเก็บ วันนี้ผมต้องทำเอง!

ถ่ายภาพป้ายที่จอดรถประจำทางสาย เชียงแสน-ลำปาง-เชียงใหม่ ไว้หน่อย…

ขึ้นรถ… ผมได้นั่งที่นั่งหมายเลข A3  อยู่ข้างหลังคนขัย

มีผู้โดยสารเพิ่มอีกไม่กี่คน…

 
ไม่นานนัก เจ้าเมล์เขียวก็เคลื่อนตัวออกจากท่า…

 
 
ลาก่อนเชียงแสนที่รัก อีกไม่นานผมจะกลับมาเยือนอีกครั้ง...

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

FB Trip ไปเชียงแสน - การสิ้นสุดที่มาก่อนกำหนด

มื่อวานนี้ (๑๐ เมษายน ๒๕๕๖) การท่องเที่ยวด้วยจักรยานพับผ่านไปเป็นวันที่สอง

แผนการเดินทางต่อไปคือ วันนี้ check out ออกจากที่พักแล้วขี่จักรยานไปคิวรถสองแถว (สีน้ำเงิน) เพื่อขึ้นรถไปเชียงของ กะว่าพักอยู่ที่เชียงของ ๑ คืน ก่อนที่จะข้ามไปฝั่งลาวพร้อมกับเจ้า Coyote จุดหมายเบื้องหน้าก็คือ “หลวงน้ำทา” และ “เมืองสิง”

การเดินทางมากับจักรยานพับ Coyote ผมต้องใช้เป้สะพายหลังขนาดเล็ก ไม่สามารถนำเจ้า Nikon D50 มาด้วย จึงเลือกใช้กล้องคอมแพค Sony Cyber-shot DSC-P200 เพราะมีขนาดเล็ก (ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อได้)  แต่ปัญหาที่ค่อนข้างเป็นอุปสรรคคือมี memory stick ขนาด 256 MB เพียงแค่ชิ้นเดียว ต้องคอยโอนถ่ายไฟล์ภาพไปเก็บไว้ใน net book ที่นำมาด้วย…

สำหรับแบตเตอรี่ก็ยังพอไหว ชาร์จครั้งหนึ่งก็ใช้ถ่ายภาพได้นานอยู่ เมื่อคืนนี้ผมชาร์จแบตเตอรี่กล้องถ่ายรูปทิ้งไว้ทั้งคืน…เตรียมพร้อมสำหรับบันทึกภาพการเดินทางก้าวต่อไป แต่พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า ดึงขั้วต่อจากเครื่องชาร์จออกจากกล้อง ไฟเหลืองดวงเล็ก ๆ ที่กล้องดับลง…แสดงว่าชาร์จเต็ม ผมกดสวิชเปิดกล้องเพื่อทดลอง  เงียบ! ไม่มีปฏิกริยาใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกทีจะมีเสียงแล้วเลนส์ยื่นออกไป แต่ตอนนี้ผมกดสวิชแล้ว…มันไม่ยอมทำงาน!!!

กล้องถ่ายรูปเสีย!!!  นับเป็นเหตุการณ์ร้ายที่ไม่คาดคิดมาก่อน!!! คนเดินทางผู้ประสงค์จะนำเรื่องราวไปถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้อ่านในบล็อก หากปราศจากเสียแล้วซึ่งกล้องถ่ายรูปแล้ว จะมีประโยชน์อันใดที่จะก้าวเดินต่อไป!! ผมพยายามแก้ไขด้วยวิธีช่างเหอะ แต่คราวนี้หมดหวังจริง ๆ!  ไม่มีกล้อง…ผมจะไปเมืองสิงได้อย่างไร?

ผมนั่งสงบใจอยู่ที่เตียง บอกตัวเองว่าเบื้องบนคงยังไม่อยากให้ผมเดินทางไปเมืองสิง จักรยานพับที่เริ่มมีปัญหา มันอาจจะยังไม่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลในขณะนี้ก็เป็นได้ ผมคิดทบทวนถึงการกลับมาปั่นจักรยานท่องเที่ยวอีกครั้ง บอกตัวเองว่าได้ทดลองและประสบความสำเร็จแล้ว คำตอบคือ “ยังทำได้”  และ  “ปั่นไกลกว่านี้ก็ทำได้…หากเตรียมทุกอย่างมาดีกว่านี้”  

ทีแรกก็ว่าจะขอพักต่ออีก ๑ คืน… แต่คิดดูแล้ว อยากจะทิ้งเมล็ดพันธุ์ไว้ค่อยมาเก็บเกี่ยวในครั้งต่อไป… ผมตัดสินใจนั่งรถกลับลำปางในวันนี้เลย! เช้านี้…แทนที่จะปั่นจักรยานไปขึ้นรถที่คิวรถเชียงแสน-เชียงของ ผมต้องเลี้ยวไปที่บริษัทเมล์เขียว!

FB Trip สั้นกว่ากำหนด…แต่ก็สนุกกว่าที่คิดไว้!

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

FB Trip ไปเชียงแสน – ราตรีแห่งสีสัน

๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ ผมเที่ยวมาแล้วทั้งวัน เช้าตรู่ออกจากที่พักไปเที่ยวชมกำแพงเมือง พอเมมโมรี่การ์ดเต็มก็ต้องกลับเข้าที่พักเพื่อย้ายไฟล์ลงคอมพ์ฯ จากนั้นก็ออกไปสามเหลี่ยมทองคำ กลับเข้าที่พักประมาณเที่ยงกว่า ตอนบ่ายก็ออกไปอีก รวมแล้วผมเข้าออก ๆ  ๓ รอบ…

 

ค่ำนี้ก็ยังจะออกไปดูแสงสียามค่ำคืนอีก! 

 

เดินออกจากที่พัก (เชียงแสนเกสต์เฮ้าส์) ผมเห็นร้านรวงตั้งเรียงรายสองข้างทาง ไปจนถึงสามแยกหน้าโรงพัก ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ได้เวลาที่ประชาชนจะได้พักผ่อนหาความสำราญจากการรับประทานอาหารริมแม่น้ำโขง และออกกำลังกายด้วยเครื่องเล่นที่หน้าอำเภอ ดูแล้วชีวิตของผู้คนที่นี่ต่างก็มีความสุขไม่น้อย…

เด็ก ๆ ได้เล่นเครื่องเล่นนานาชนิด คนแก่ก็ได้ออกแรงบริหารแขนขา บ้างก็เข้าไปไหว้พระที่องค์พระเจดีย์…

ใกล้เทศกาลสงกรานต์ เมืองเชียงแสนกำลังคึกคักด้วยเครื่องเล่นแบบสวนสนุก….

 

เห็นแล้วทำให้นึกถึงตอนเป็นเด็ก โอกาสที่จะได้เล่นอย่างเนี้ยแทบไม่มีเลยก็ว่าได้!!

ผมถ่ายภาพ “คำทักทาย 10 ประเทศอาเซียน” มาให้เพื่อน ๆ ได้ดูด้วย….

ทางฝั่งด้านริมโขง ผมเห็น “ผัดไทยโบราณ” ราคา ๑๕ บาท พอดีไม่หิว ก็เลยไม่ได้ซื้อกิน

มีชิงช้าสวรรค์ด้วย….

การแสดงของทีมงาน “บี พาเพลิน”…

ว้าว…มอเตอร์ไซค์ไต่ถังก็มี!!

ปาเป้าลูกโป่ง  (๕ ดอก ๒๐ บาท)  แตก ๕ ดอก เลือกรางวัลได้ทั้งร้าน…

ปากระป๋อง (๓ ลูก ๒๐ บาท) ถ้าปาล้ม ๑๐ ใบ เลือกรางวัลได้ทั้งร้าน….

ท้องฟ้ามืดมิดเป็นฉากหลังให้กับภาพแสงสีชีวิตยามราตรีของคนเชียงแสน

ก่อนเดินกลับเข้าที่พัก ผมแอบบันทึกภาพคู่ sweet คู่นี้ไว้หน่อย เป็นความเข้ากันได้ที่ลงตัวจริง ๆ ครับ!

หลังจากชื่นชมแสงสียามค่ำคืน…ผมก็เดินกลับยังที่พัก ปิดฉากวันที่สองของ Folding Bike Trip ด้วยความยินดี!