ครั้นหันมาดูวงเวียนหอนาฬิกาที่บ้านตัวเองบ้าง ตาแก่เมืองรถม้าก็ต้องบอกว่าสวยงามไม่เป็นรองใคร แถมยังพิเศษกว่าตรงที่ใช้รองรับการจราจรบนถนนถึงห้าสาย...
กลางใจเมืองอุบลฯ ก็มี "วงเวียนหอนาฬิกา" ด้วยเช่นกัน แต่ตรงนั้นเป็นเพียงแค่ ๓ แยก...
เช้าตรู่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เดินทางถึงอุบลเมืองคนดี เวลาเช็คอินเข้าที่พักคือบ่ายโมง แต่ก็หาได้เป็นปัญหา เพราะผมได้อาบน้ำแปรงฟันมาจากสถานีรถไฟแล้ว รู้สึกสดชื่นเหมือนยืนอยู่บนภูเขา พร้อมที่จะปั่นจักรยานเที่ยวตั้งแต่พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า...
จากวงเวียนน้าพุที่เชิงสะพานเสรีประชาธิปไตย ผมปั่นจักรยานโดยไม่อาศัยเครื่องมือนำทาง มีแต่สมองและสองตาที่สั่งให้ขาปั่นไป...
ในที่สุดก็ไปเจอล้อเข็นน้ำเต้าหู้-เต้าฮวยจอดขายอยู่ข้างถนน (A) ผมแวะเข้าไปทันที...
อยากกินเต้าฮวย...ผมขอสั่งกินตรงนั้นเลย คนขายบอกว่าไม่มีถ้วยใส่ให้ แต่ผมก็ยังได้กิน เพราะเค้าใส่ถุงให้พร้อมกับหลอดดูดขนาดยักษ์...
กินกับปาท่องโก๋ร้อน ๆ... วิเศษสุดแล้วสำหรับผม!!
กินไปคุยไป ผมบอกว่าอยากไป "สถานีขนส่ง" ก่อน เพื่อหาข้อมูลสำหรับการเดินทางไปช่องเม็กและปากเซ หนุ่มอุบลใจดีช่วยชี้แนะให้ผมเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกข้างหน้า แล้วปั่นไปเรื่อย ๆ จนถึงแยกหอนาฬิกา...จากนั้นก็ตรงไปอีก
เสร็จจากการเติมพลังจากเต้าฮวยและปาท่องโก๋... ผมก็ออกเดินทางต่อ ปั่นไปได้ไม่ไกลก็ถึง "วงเวียนหอนาฬิกา" (C)
เป็นวงเวียนที่ยังต้องใช้สัญญาณไฟจราจร ในขณะวงเวียนห้าแยกหอนาฬิกาเมืองเขลางค์นครไม่ต้องมี!
รู้สึกว่านาฬิกาจะตายนะ...
หยุดถ่ายรูปเจ้า Banian ไว้แล้วก็เลยถือโอกาสแพนกล้องเก็บภาพรอบข้างไว้หน่อย
จากวงเวียนหอนาฬิกา (C) ผมขี่จักรยานผ่านมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี...
เห็น "สวนสาธารณะห้วยม่วง" (P) ทางด้านซ้ายมือ... ผมเลี้ยวเข้าไปถ่ายรูปที่หน้าป้าย
ถ่ายภาพจักรยานเพื่อนยากแล้วหันกลับไปเก็บภาพอาคารศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก (B) ไว้อีก ๑ บาน ถ้าเข้าใจไม่ผิด...คิดว่าจะเป็นของมหาวิทยาลัยราชภัฏ งบประมาณมากมายมหาศาลจริง ๆ !!
ผู้คนเริ่มเข้ามาออกกำลังกายกันบ้างแล้ว... ผมคว้าจักรยานตามก้นนักปั่นที่กำลังตรงเข้าไปในสวนสาธารณะทันที!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น