ได้เวลาเดินทางต่อ...ผมพาเจ้าเสือเหลืองข้ามสันเขื่อนแม่กลอง (1) แล้วปั่นต่อไปอีกไม่ถึงกิโลก็ถึงทางแยก!
หักแฮนด์เลี้ยวขวาไปจอดหน้าร้าน ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส (2) เพื่อหาพลังสำรอง! ทีแรกตั้งใจว่าจะไปกินอะไรอร่อย ๆ ที่ตลาดท่าม่วง แต่เส้นทางจักรยานบังคับให้ต้องมาทางนี้ ผมซื้อน้ำดื่มขวดใหญ่ ๑ ขวดและเมล็ดทานตะวันอบแห้ง ๑ ถุง ใส่ไว้ในตะกร้าหน้ารถแล้วปั่นต่อ...
ไปได้อีกไม่ไกลก็เห็นซุ้มประตูวัดม่วงชุม อยู่หมู่ที่ ๕ ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย...
เป็นวัดที่เงียบสงบบนเนื้อที่ ๑๓ ไร่ ๒ งาน ๔๐ ตารางวา เห็นทางวัดกำลังปรับพื้นที่โล่งกว้าง ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะสร้างอะไร? ...
ผมขี่จักรยานเข้าไปถึงฌาปนสถาน (5) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอุโบสถ (4)...
วัดม่วงชุมเป็นวัดเล็ก ๆ ที่มิได้เลื่องลือในเรื่องถาวรวัตถุงดงามดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่อยู่ที่พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง "วิหารหลวงพ่อเที่ยง" (7) จึงเป็นจุดที่ศรัทธาญาติโยมพากันมานมัสการกราบไหว้...
นายสมชาย แสงชัยศรียากุล ได้เขียนไว้ในเว็บสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีว่า...
ร่างกายที่เป็นอมตะจนกลายเป็นหินหลวงพ่อเที่ยง จันทสโร มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๓เวลา ๙.๐๐ นาฬิกาเศษ ณ วัดม่วงชุม ท่ามกลางความเศร้าอาลัยของศิษย์ยานุศิษย์ และชาวม่วงชุม ชาวม่วงชุมได้เก็บสรีระของหลวงพ่อไว้ถึง ๑๐ ปี ปรากฏว่าร่างของหลวงพ่อไม่เน่าไม่เปื่อย ชาวม่วงชุมจึงพร้อมใจกันสร้างมณฑป พร้อมทั้งโลงแก้วบรรจุร่างที่เป็นอมตะไว้ ณ มณฑป เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๔ จากวันที่หลวงพ่อเที่ยงจากไปถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึง ๓๐ ปี ร่างหลวงพ่อเที่ยงก็ยังคงสภาพไม่เน่าเปื่อยเหมือนท่านยังอยู่เป็นที่พึ่งของชาวม่วงชุมตลอดไป...(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล)
ผมหยุดถ่ายภาพเจ้าเสือเหลืองกับหอสวดมนต์ (6) ไว้อีก ๑ บาน...
ก่อนจะปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังวัดถ้ำเสือที่เห็นตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น