ท่าอากาศยานที่นี่มีงวงช้าง ผมนั่งอยู่ติดหน้าต่าง สามารถมองเห็นในขณะที่เครื่องค่อย ๆ คลานเข้าหา...
ในที่สุดเครื่องบินก็จอดสนิท งวงช้างขยับตัวให้พอดีกับประตู ต้องรออีกพักนึงก่อนที่ประตูจะถูกเปิดให้ผู้โดยสารเคลื่อนตัวออกไป คล้ายน้ำชาที่ถูกรินออกจากกา...ผมขยับตัวตามไป จนพ้นออกจากลำตัวเจ้านกยักษ์ จากนั้นก็เดินตามผู้โดยสารคนอื่นไปเรื่อย ๆ จนถึงห้องโถงกว้างที่มีผู้คนมากมายยืนเข้าแถวรอผ่าน ตม. เวียดนาม...
แม้ไม่มีป้ายบอก ก็รู้ว่าเค้าไม่ให้ถ่ายภาพ! ผมจึงไม่มีรูปในช่วงที่ยืนต่อคิว แต่ก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้เห็นภาพนักเดินทางกำลังรอผ่าน ตม. ที่สนามบินเตินเซินเญิ้ต ได้ลองเข้าไปหาภาพในอินเทอร์เน็ตและได้มา ๑ บาน เช้าวันนั้นก็เป็นอย่างที่เห็น แต่ว่ามีคนมากกว่านี้ รู้สึกว่าจะมีมากกว่า ๑๐ แถว ผมเดินไปต่อคิวแล้วมองไปยังเจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งอยู่ในเคาน์เตอร์ แต่ละคนล้วนหน้าตาขึงขัง ปราศจากรอยยิ้ม (ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ ตม. ไม่ว่าที่ไหนก็จะเป็นเช่นนั้นหมด) ผมได้แต่ภาวนาขอพระเจ้าทรงนำทางให้ผ่านไปยังช่องที่ง่ายที่สุด...
ผมเปลี่ยนไปอยู่แถวที่มีคนไทยอยู่ข้างหน้า มองดูแต่ละคนที่ก้าวออกไปยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ คอยสังเกตซิว่าจะมีผู้ที่มีปัญหาหรือไม่ แต่ก็ยังไม่ปรากฏ! แม้จะไม่มีการถ่ายภาพหรือสแกนลายนิ้วมือ แต่ก็กินเวลาอยู่ไม่น้อย ผมเห็นเจ้าหน้าที่วางหนังสือเดินทางลงบนเคาน์เตอร์แล้วผลักออกมาคืนให้อย่างเย็นชา คนหนึ่งผ่านไป...อีกคนก้าวเข้าไปแทน ผมขยับตัวตามไป อีกไม่กี่คนแล้ว!!!
ภาพจากอินเทอร์เน็ต |
ในที่สุดเค้าก็คืนหนังสือเดินทางให้!
ผมหยิบหนังสือเดินทางบนเคาน์เตอร์แล้วก้าวออกจากที่นั่นอย่างไม่รีรอ!
ภูเขาถูกยกออกจากอก! ผมเดินตัวเบาออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้า โดยไม่ต้องเสียเวลาไปรอรับสัมภาระที่ baggage claim และไม่ต้องหาที่แลกเงิน!
เหมือนนกที่หลุดออกจากกรง... ผมมุ่งหน้าไปยังรถเมล์สาย 152 ทันที!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น