วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

ไม่ลองไม่รู้

เดินทางถึงโฮจิมินห์ซิตี้...นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมอย่างน้อย ๒ รายการอยู่ในใจ คือ ๑. ไปชมอุโมงค์กู๋จี และ ๒. ไปเที่ยว Mekong Delta  บางคนก็อยากไปสัมผัสทะเลทรายมุยเน่ แต่ผมเมินเพราะไกลเกิน (ไปแพะเมืองผีดีฝ่า... อิอิ)   


วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๘...   Mr. Tong ไกด์ชาวเวียดนาม (เสื้อเหลือง) พาผมไปดูอุโมงค์กู๋จี  วิกิพีเดียกล่าวว่า "อุโมงค์กู๋จีเป็นเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่เชื่อมถึงกันในอำเภอกู๋จีในไซ่ง่อน และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ เป็นที่ตั้งของการทัพหลายครั้งระหว่างสงครามเวียดนาม และเป็นฐานปฏิบัติการของเวียดกง..."

ที่นี่มีอะไรให้ผมได้ลองทำคือ ซ่อนตัวในหลุม, ยิงปืน, ลงอุโมงค์ และชิมอาหารประทังชีวิต...เว็บ kingdomenterprise.co.th เขียนไว้ว่า...
อุโมงค์กู๋จี เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การศึกสำคัญ ทำให้ทั่วโลกต้องประหลาดใจที่ประเทศซึ่งดูเหมือนจะไม่มีอะไรแถมยังติดอันดับประเทศยากจนในขณะนั้น กลับสามารถยืนหยัดต่อสู้กับประเทศยักษ์ใหญ่ได้นานกว่า ๒๐ ปี กองกำลังเวียดนามส่วนหนึ่งอาศัยอุโมงค์กู๋จีเป็นที่นอนหลับพักผ่อนในเวลากลางวัน และเมื่อรัตติกาลเข้ามาเยือน พวกเขาก็จะออกไปก่อการป่วนทหารอเมริกันให้ได้ปวดหัวเล่นๆ แบบผลุบ ๆ โผล่ ๆ มาจากใต้ดิน ผ่านทางเข้าออกที่กลบเกลื่อนไว้อย่างมิดชิด เรียกได้ว่าพอทหารอเมริกันจะหันมาเล่นงานกลับบ้าง ก็หาตัวไม่เจอ เพราะคู่ต่อสู้แวบ...หลบหายลงใต้ดินไปเสียแล้ว
ทหารอเมริกันหลายคนได้พยายามค้นหาวิธีจัดการกับกองกำลังเวียดนาม ด้วยหวังที่จะถล่มอุโมงค์ ลับแห่งนี้ให้ราบคาบ จึงได้ระดมกำลังกันตามหาทางเข้าออกอุโมงค์ แต่เมื่อพบแล้ว ก็กลับเป็นช่องเล็กๆ พอให้คนเวียดนามแทรกตัวผ่านเข้าไปได้ ในขณะที่พี่ยักษ์ใหญ่ตัวเบ้อเร่ออย่างทหารอเมริกันเข้าไม่ถึง (หรือถ้าเข้าไปได้ก็ติดพุง)...
"ติดพุง" คำนี้สะเทือนใจมาก ผมอยากลงไปในที่ซ่อนตัวของทหารเวียดกงอย่างที่เห็น แต่พอนึกถึงคำนี้ ตาแก่เมืองรถม้าผู้มีน้ำหนักตัว ๘๐ กิโลกรัมต้องขอสละสิทธิ์! ได้แต่ยืนดูคนอื่น...




มีสนามยิงปืนให้ทดลองยิงปืนที่ทหารเวียดกงใช้ในสมัยนั้น...



ต้องซื้อลูกปืน คาร์บินนัดละ ๒๕,๐๐๐ ดอง, กาแรนด์ M1 ๓๐,๐๐๐ ดอง,  เอ็ม 16 ๓๕,๐๐๐ ดอง,  เอ็ม 30 ๓๐,๐๐๐ ดอง, เอ็ม 60 ๔๐,๐๐๐ ดอง, อาก้า AK47 ๔๐,๐๐๐ ดอง...


ลูกปืนอยู่ในตู้...


เจ้ากาแลนด์ M1 ซึ่งกองทัพไทยเรียกว่า "ปืนเล็กยาวบรรจุเองแบบ 88 (ปลย.88 หรือ ปลยบ.88)" เข้าประจำการในปี พ.ศ. ๒๔๘๘  ตอนเรียน ร.ด. เมื่อปี ๒๕๑๑ ผมเคยยิงมาแล้ว ๕ นัด...จะมาซื้อกระสุนที่นี่ให้เสียตังค์ทำไม?

ภาพจาก parathikarn.police.go.th
พามาถึงปากทางลงอุโมงค์ใต้ดินซึ่งมีเจ้าหน้าที่ในชุดทหาร ๒ คนนั่งรออยู่...


ก่อนที่จะให้ลงไปสัมผัสประสบการณ์ในอุโมงค์ นาย Toan บอกลูกทัวร์ว่าผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเช่นโรคหัวใจ...ไม่ควรลงไป แต่ก็ไม่ยักพูดชัดเจนว่าคนแก่ห้ามลง มีรึที่ผมจะไม่ลง!


มันแคบจริง ๆ นะ  เคลื่อนตัวไปข้างหน้าก็ลำบาก!  ผมพยายามถ่ายภาพมาให้เพือน ๆ ดู แต่มันเสียหมด ได้แค่นี้แหละ...




ในที่สุดก็ทะลุออกอีกด้านนึง  นับว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะลืมเสียมิได้!!


จากนั้นเค้าก็พามาที่ ๆ เป็นค่ายทหาร  เว็บ vntoyou.com บรรยายว่า...
อุโมงค์กู่จี๋ เป็นทั้งหลุมหลบภัยและพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของทหารเวียดนาม เครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินยาวกว่า ๒๐๐ กิโลเมตร และลึกลงไปสามระดับแห่งนี้ พวกเวียดมินห์เคยใช้เมื่อสู้รบกับฝรั่งเศสราวทศวรรษ 1940 ต่อมาพวกเวียดกงก็ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวเพื่อหลบระเบิดเชื้อเพลิงหรือนาปาล์ม ทั้งกองโจรและชาวบ้านอาศัยอยู่ในอุโมงค์นี้ยาวนานนับเดือน อาศัยหัวเผือกหัวมันประทังชีวิต พร้อมกับหายใจทางระบบระบายอากาศที่ทำขึ้นเองอย่างชาญฉลาด สามารถจุคนได้กว่า ๑๐๐,๐๐๐ คน ประกอบไปด้วยห้องนอน ห้องบัญชาการ ห้องประชุม สนามฝึกทหาร อันเป็นเมืองใต้ดินซึ่งแสดงถึงความร่วมมือร่วมใจในการสร้างอุโมงค์จนสามารถเอาชนะทหารอเมริกันได้ในที่สุด...







มีการสาธิตการเผาหัวเผือกหัวมัน...


แล้วนำมาแจกให้ลองกิน ผมฟาดซะ ๒ ชิ้น...


ได้ลองกินอาหารประทังชีวิตทหารเวียดกงแล้ว!  แต่ยังไม่ได้ลองแกล้งตกลงไปในกับดัก!! (ฮา)

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมด)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น