วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มัสยิดและหอนาฬิกาบาลิง

ย่ำต๊อกข้ามเขตแดนไทยและมาเลเซียแล้วนั่งรถเมล์เสียเงินประมาณ ๒๐ กว่าบาท มาถึงเมืองเล็ก ๆ ซึ่งมีภูเขาหินปูนตระหง่านอยู่ด้านข้าง จริง ๆ แล้วผมมิใช่คนแรกที่ทำเช่นนั้น เพียงแต่ไปแล้วมิได้ไปเปล่า...ผมพยายามเก็บภาพ และนำข้อมูลมาโพสต์ให้เพื่อน ๆ นักเดินทางได้ดูค่อนข้างมากกว่าเท่านั้น  นี่คือความภูมิใจของผม...


ไม่มี iPad ไม่สามารถออนไลน์ได้ตลอดเวลา ผมทำได้แค่เพียงจดชื่อสถานที่ที่น่าสนใจเก็บไว้ในสมุดแล้วจดจำไว้ บอกตัวเองว่าถ้ามีโอกาสแวะเมืองบาลิงก็จะเดินเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ อย่างไม่เร่งรีบ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น วัตถุประสงค์ของการเดินทางของผมเปลี่ยนไปมาก...หลังจากกลับจากพม่าเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว...



บ่ายวันนี้ออกจากที่พักคืนละ ๒๕ ริงกิตโดยไม่ใช้แผนที่ ไม่มีแผ่นพับ นอกจากกล้องถ่ายรูปเล็ก ๆ เพียงตัวเดียว เดินมุ่งหน้าไปทางภูเขาที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ผมถ่ายรูปบ้านเรือนเอาไว้...


รวมทั้งที่ทำการไปรษณีย์เมืองบาลิง...


เห็นเมืองนี้แล้ว ผมคิดถึงวังเวียง ประเทศลาว ซึ่งมีขนาดพอ ๆ กัน มีภูเขาหินปูนและมีแม่น้ำไหลผ่านเช่นกัน...


ถนนหนทางดี มีพื้นที่สีเขียวเป็นปอดอยู่ข้าง ๆ



ผมบันทึกไว้ว่า...
What to see in Baling - เมื่อ ๔๐ ปีก่อน บาลิงเป็นเมืองคาวบอย ชาวบ้านต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา สถานที่ควรไปเยือนมีดังนี้...
1. Pak Cake Tong Temple เชื่อว่ามีพญานาคอาศัยอยู่ในถ้ำ วันดีคืนดีก็จะปรากฏตัวให้เห็น ใครได้เจอจะโชคดี ร่ำรวยเงินทอง
2. วัดเจ้าแม่กวนอิมที่เชิงเขา
3. ถ้ำค้างคาว
4. มัสยิด
5. หอนาฬิกา
6. แม่น้ำสุไหง-เคทิล
7. วัดไทยริมแม่น้ำ
9. น้ำพุร้อน (๑๙ กิโลเมตร)





ด้านหน้าของมัสยิดมีหอนาฬิกาตั้งเด่น คำว่า Merdeka ประกาศซึ่งความเป็นเอกราช... 






แดดไม่ร้อนจนเกินไป ผมเดินเที่ยวแบบโดดเดี่ยวเหมือนกับที่วังเวียงอีกแล้ว!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น