เมื่่อวานนี้ตอนบอกกับเพื่อน ๆ ว่าอยากไปพระธาตุดอยฮาง ด้วยการปั่นเจ้ายักษ์ (touring bike ยี่ห้อ Giant)ไป ผมก็มิได้มั่นใจว่าจะทำได้! มองเห็นอุปสรรคขวางกั้นหลายประการด้วยกันดังนี้ ๑) เป็นห่วงเรื่องยางหลังซึ่งเคยแบน แม้ว่าก่อนหน้านี้ได้ลองเอาไปสูบลมแล้วทดลองปั่นไปตลาด แต่ก็เกรงว่าจะรั่วซึมอีก เครื่องไม้เครื่องมือในการปะยางรวมทั้งสูบลมแบบพกพาก็ยังไม่มี ๒) เจ้ายักษ์ไม่เคยเดินทางไกลมาก่อน ผมซื้อมาเก็บมากกว่า ตั้งแต่ครูหนิงซ่อมให้ก็ยังไม่เคยนำปั่น ถ้าทำได้จริงการไปดอยฮางก็จะเป็นทริปแรกของเจ้ายักษ์ ๓) หลังจากไปหกขะล้มที่วัดไหล่หินเมื่อไม่นานมานี้ ถึงวันนี้ข้อเท้าขวาของผมยังไม่หายดี คงมีอาการเจ็บอยู่บ้าง แม้จะไม่มากเหมือนตอนแรก ๆ ๔) สภาพหมอกควันในลำปางอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกยังทำให้ทัศนวิสัยเลวลง ผมสงสัยว่าถ้าขึ้นไปอยู่บนยอดดอยฮางแล้วจะมองเห็นวิวทิวท้ศน์เบื้องล่างได้งดงามจริงหรือ? ๔) ตัวผมเองไม่ได้ปั่นจักรยานไกล ๆ มานานแล้ว ครั้งสุดท้ายคือการนำจักรยานพับไปปั่นจากเมืองอุตรดิตถ์ ผ่านเมืองลับแล ไปจนถึงน้ำตกแม่พูล ตั้งแต่นั้นก็ยังไม่ได้ปั่นจักรยานไปไหนอีก... แล้วจะไหวหรือ?
อย่างไรก็ตามผมก็ยังแอบหวังเล็ก ๆ อยู่ในใจว่าอาจมีเพื่อนบางคนแอบส่งกำลังใจให้มา คุณ bimbalo ก็คนนึงล่ะ!
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ตื่นแต่เช้าแล้วรีบลงไปดูลมล้อหลังรถจักรยานพบว่าไม่รั่วซึม ผมบอกตัวเองว่า "ไปเว้ย! เป็นไงเป็นกัน" จัดเตรียมข้าวของทันที ผมใช้เป้ใบเล็กที่เคยสะพาย travellin' light ไปพม่า วันนี้ขอถือโอกาสใช้กระเป๋าคาดเอวที่คุณเดชาให้มาซะเลย!
จะว่าประมาทก็ว่าได้ ผมไม่ได้นำเครื่องมือซ่อมจักรยานไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ของที่นำไปด้วยคือ กล้องถ่ายรูปคอมแพ็คชาร์จแบตเต็ม น้ำดื่มขวดกลาง ๑ ขวด สมุดบันทึกและปากกา ขนมปังกรอบและคุ๊คกี้ ยาดม ยาหม่องน้ำ กระเป๋าตังค์ และโทรศัพท์มือถือโมโต...
๑๑ โมงเช้าดูจะสายไปหน่อย สำหรับการเดินทางซึ่งผมขอตั้งชื่อว่า "TB Trip ไปดอยฮาง"
ผมขอสรุปก่อนนะครับว่า หลังจากใช้เวลา ๗ ชั่วโมงครึ่ง "TB Trip ไปดอยฮาง" ก็ประสบความสำเร็จ ด้วยระยะทางไม่ต่ำกว่า ๖๐ กิโลเมตร จากบ้านไปตามทางหลวงหมายเลข 11 (ผมเปลี่ยนใจไม่ไปถนน 1035 เพื่อซื้อเครื่องมือปะยางและเสบียง)....
ไม่ได้ใช้เส้นทางตามที่วางแผนไว้แต่แรก ผมอยากไปให้ไกลกว่านั้นโดยไปเลี้ยวเข้าทางหลวงชนบท ลป.2016 ก่อนจะถึงตลาดทุ่งเกวียน...
รู้ว่าไกลกว่าเดิมอีกเกือบเท่าตัว แต่ก็อยากใช้เส้นทางที่ยังไม่เคยสัมผัส ผมแวะถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ เฉพาะทริปนี้ได้มาทั้งหมด ๒๙๑ บาน...
ได้แวะสวนรุกขชาติห้างฉัตร...
ได้พิสูจน์ความอดทนของตัวเองและเจ้ายักษ์...
ที่ไม่คาดคิดมาก่อนคือ ผมได้แวะวัดจำนวนทั้งสิ้นถึง ๙ วัด ดังนี้...
- วัดบ้านส้มป่อย
- วัดแม่สัน
- วัดดอกด้าย
- วัดพระธาตุม่อนไก่เขี่ย
- วัดโป่งขวาก
- วัดนาโป่งหาญ
- วัดพระธาตุดอยฮาง
- วัดทุ่งขาม
- วัดแม่ปุ้มหลวง
ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้มีเพียง ๔๐ บาท เป็นค่าอาหารกลางวันที่บ้านส้มป่อย คือก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว ๑ จาน (๓๐ บาท) และชาเย็น ๑ แก้ว (๑๐ บาท)...
เป็นร้านอาหารของลูกสาวพ่อครูบุญมา ไชยมะโน (ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมพื้นเมือง สาชาศิลปะการแสดงดนตรีพื้นบ้าน-พิณเปี๊ยะ) ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งดี ๆ อีกมากมายจากที่นั่น...
นอกจากนั้น ผมยังมีโอกาสได้เห็นการเริ่มต้นก่อสร้างซุ้มประตูโขง...
วัดเก่าวัดแก่อยู่บนม่อนดอย อย่างเช่นวัดพระธาตุดอยไก่เขี่ย ผมขี่จักรยานเข้าไปจนถึง...
บนเส้นทางที่มิได้ราบเรียบตลอดไป มีบางจุดที่ผมต้องลงเดินจูงเจ้ายักษ์ขึ้นเนินสูง โซ่หลุด ๒-๓ ครั้ง แสดงให้เห็นความไม่สมบูรณ์ของจักรยาน!!!
ไปถึงวัดโป่งขวากเกือบสี่โมงเย็น ถ้าจะไปดอยฮางผมจะต้องไปให้ถึงบ้านทุ่งขามก่อน...
ไม่ยอมแพ้แค่ตรงนั้น ต้องถึงจุดหมายให้ได้.... ผมมุ่งหน้าสู่บ้านทุ่งขาม
เข้าเขตบ้านทุ่งขาม ดวงอาทิตย์กลมโตกำลังหย่อนตัวลงทอแสงอ่อน คงกำลังเพ่งดูชายสูงวัยที่กำลังถ่ายรูปเจ้ายักษ์ด้วยสายตายิ้มเยาะ หุหุ... รู้หรือเปล่าว่าหนทางยังอีกยาวไกล!
เกือบถึงแล้ว....ผมลุยไปตามถนนโรยฝุ่นด้วยความมุ่งมั่นว่าวันนี้จะต้องทำให้ได้ตามแผน
ในที่สุดก็บรรลุถึงเป้าหมาย...
เส้นทางที่ผมใช้เดินทางไปพระธาตุดอยฮาง (เส้นสีน้ำเงิน) ดูจาก google earth จะเห็นว่าระยะ ๒๗.๘ กิโลเมตร ขับรถยนต์ต้องใช้เวลา ๓๔ นาที...
ผมเดินทางกลับมายังห้างฉัตรโดยใช้เส้นทางที่วางแผนไว้แต่แรก พอถึงสถานีตำรวจภูธรห้างฉัตร (1) ก็มุ่งหน้ากลับตามถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ถึงบ้านเวลา ๑๘.๓๐ น.
ระหว่างทางมีนักปั่นหนุ่ม ๆ แต่งตัวเต็มยศปั่นจักรยานเสือภูเขาและเสือหมอบอย่างดีเร็วจี๋แซงขึ้นหน้า...ตาแก่ที่เพิ่งกลับมาจากดอยฮางได้แต่มองตามก้นไป!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น