วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

A Frame A Day - The Student Inn, Plaka, Athens


วันนี้ผมหยิบฟิล์มสไลด์เฟรมที่ ๒ ได้รูปถนน Kydathineon หน้า Student Inn ในกรุงเอเธนส์ หลังจากเริ่มต้นเฟรมแรกด้วยเรื่องน้ำพุเทรวีในกรุงโรม ต้องย้อนกลับมาที่กรีซ ถ้าเป็นการเขียนแบบเก่าผมก็จะตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า "หาที่พักในกรุงเอเธนส์"  

เขียนแบบ A Frame A Day นั้นอัพโหลดรูปง่ายเพราะมีบานเดียว แต่การค้นหาข้อมูลและนำเอกสารเก่า ๆ มาสแกนเป็นภาพประกอบเป็นเรื่องยากและกินเวลานาน!



วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๒๘  โดยเครื่องบินของ PIA (Pakistan International Airlines) เที่ยวบินที่ PK 207 ผมเดินทางจากการาจี (ประเทศปากีสถาน) ไปยังกรุงเอเธนส์ (ประเทศกรีซ)



ได้บันทึกเรื่องการเดินทางและการหาที่พักในกรุงเอเธนส์ไว้ดังนี้...
ขณะเครื่องขึ้นจากสนามบินการาจีนั้น ท้องฟ้าสว่างแล้ว ไม่นานเค้าก็แจกอาหารเช้าซึ่งประกอบด้วยขนมปังพร้อมเนยและแยม น้ำส้มคั้น ไข่เจียว เนื้อ ของหวาน และชา/กาแฟ ผมฟาดเรียบทุกอย่าง ยกเว้นเพียงเนื้อเท่านั้น อิ่มแล้วก็เสียบฟังเพลงจากช่องดนตรีคลาสสิก มี Symphony ของ Hydn และ Piano Concerto ของ Mozart (ช่องอื่นเป็นเพลงแจ๊ส เพลงแขก และอื่น ๆ)  หลังจากเก็บถาดอาหารไปแล้ว PIA ก็ฉายหนังให้ดู ๑ เรื่อง ทีแรกก็คิดว่าจะดู แต่ทนแหงนคอไม่ได้ เลยขอหลับดีกว่า!
พอเวลา ๑๐.๒๔ น. เครื่องลงจอดที่อัมมาน ประเทศจอร์แดน มีผู้โดยสารจำนวนมากลงไป...รวมทั้งเจ้าแขกที่นั่งข้าง ๆ
มองดูท่าอากาศยานของเขาแล้วรู้สึกหดหู่เหลือเกิน เห็นแต่พื้นดินแห้งแล้ง ชนิดที่หาต้นหมากรากไม้ไม่ค่อยได้ ทัศนียภาพส่วนใหญ่เป็นสีน้ำตาล เครื่องบินจอดประมาณ ๑ ชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อไปยังเอเธนส์ มีที่นั่งว่างมากมายก็เลยแอบไปนั่งติดหน้าต่าง (window seat) มองดูเครื่องบินวิ่งขึ้นจากรันเวย์ ทะยานสู่ท้องฟ้า เห็นแต่แผ่นดินแห้งแล้ง มีถนนคดเคี้ยวไปมา ทำให้คิดย้อนกลับไปถึงตอนบินไปแม่ฮ่องสอนกับฉาย เห็นป่าไม้บนภูเขาถูกทำลายลงไปมาก แม้ยังมีสีเขียว ๆ ให้ได้เห็น แต่ก็กลัวเหลือเกินว่า อีกหน่อยอาจจะกลายเป็นสีน้ำตาลเหมือนกับที่จอร์แดน...
หลังจากนั้นสภาพเบื้องล่างก็เปลี่ยนจากแผ่นดินแห้งแล้ง กลายเป็นท้องทะเลและหมู่เกาะ  ประมาณ ๑๒.๓๐ น. PIA  นำอาหารกลางวันมาให้อีก คราวนี้มี sprite ขนมปัง+เนย ข้าว และมัสมั่นเนื้อแบบแขก มีของหวานแบบแขกและแคร็กเกอร์กับเนยแข็งมาให้ด้วย ตบท้ายด้วยชาร้อน ก็ยังคงทำหน้าที่เทศบาลอีกตามเคย เก็บเรียบเหลือไว้แต่เนื้อที่ใส่มากับมัสมั่นเท่านั้น  บ่ายโมงกว่ากัปตันประกาศว่ากำลังจะถึงเอเธนส์แล้ว อุณหภูมิที่นั่น ๒๓ องศา มองลงไปเบื้องล่างเห็นผืนน้ำสีน้ำเงินสวยงาม มีเกาะน้อยใหญ่และเรือแล่นอยู่ในทะเล
เครื่องบินลงสนามบินเอเธนส์ได้เรียบร้อย มีรถมารับผู้โดยสารไปยังที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง (เหมือนกับที่สนามบินการาจี) แตกต่างกันตรงที่ว่าเจ้ากรีกที่ทำหน้าที่ลงตราหนังสือเดินทางมันอิดเอื้อนไม่ยอม stamp ให้ พอเห็นเงินสดที่เรียกดู มันก็บอกว่าน้อยไป กลัวว่าจะไม่มีเงินพอที่จะใช้จ่ายในประเทศของมัน  ตอนแรกนั้นให้ดูแค่เงินสด มันจึงกักตัวไว้แล้วส่งต่อไปพบกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งซึ่งใหญ่กว่า เจ้านั่นก็เหมือนกัน ถามว่าเอาเงินมาเท่าไหร่?  แหม! มันตะคอกเหมือนกับเราเป็นขี้ข้า เลยต้องควักเอาทั้งเงินสดและเช็คเดินทางออกมาให้มันนับเอง ถึงได้ประทับตราให้ผ่าน...
เดินไปที่เคาน์เตอร์ของ Tourist Police ขอ information มาได้มากมาย จากนั้นก็ไปติดต่อที่ศูนย์บริการที่พัก เจ้าหน้าที่ถามว่าต้องการพักโรงแรมเกรดไหน บอกไปว่าขอแบบที่ถูกสุดละกัน เค้าก็เอานามบัตรให้ ๑ ใบเป็นของ Youth Hostel
ออกจากอาคารสนามบิน ตรงไปที่รถเมล์ซึ่งจอดอยู่ ถามที่บูธขายตั๋วว่าไป Plaka หรือเปล่า?  เขาบอกว่าไป แต่พอจะซื้อตั๋วก็คิดได้ว่าลืมแลกเงิน ต้องรีบกลับไปที่สนามบินและแลกเงินกับ National Bank of Greece  อัตราแลกเปลี่ยนคือ $1 = 133.0240 drs  แลกด้วยเงิน $21 ได้ 2,794 drs หักค่า commission 30 drs แล้วเหลือ 2,764 drs
พอได้เงินดรัคมาก็กลับไปซื้อตั๋วรถเมล์ (ค่าโดยสาร ๖๐ ดรัคมา) แล้วขึ้นไปนั่งรอบนรถ ไม่นานนักรถก็ออกวิ่งเข้าเมืองโดยไม่จอดรับผู้โดยสารกลางทาง มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ  ถามเค้าว่าจะไปพักที่ไหน ก็เห็นว่าไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน แกหยิบหนังสือนำเที่ยวภาษาญี่ปุ่นออกมาค้นหาคำตอบ...
พอสุดระยะ รถจอดให้ลง ตอนนี้แหละตัวใครตัวมันแล้ว!  คิดว่าเราก็หนึ่งในสยามเหมือนกัน ทำไมต้องถามเจ้ายุ่นด้วย ตัดสินใจออกเดินหาที่พักเอาเอง  หนังสือ Europe by Train ที่พกไปด้วยบอกให้ตรงไปยัง Plaka เพราะที่นั่นมีที่พักราคาไม่แพง แวะถามคนแถวนั้นว่า Plaka อยู่ที่ไหน เค้าก็บอกว่าตรงนั้นแหละที่เรียกว่า Plaka  แต่ผู้คนมากเหลือเกิน ตึกรามบ้านช่องก็แบ่งซอยออกเป็นย่อย ๆ จนดูสับสนไปหมด!!  นักท่องเที่ยวฝรั่งหลายคนเดินหาที่พักกันให้วุ่น...
ด้วยความพยายามและอาศัยความช่วยเหลือจากชาวกรีกหลายคน ในที่สุดก็ได้พบ Student Inn บนถนน Kydathineon ตามที่บอกไว้ในหนังสือ ใจชื้นขึ้นหน่อยเมื่อได้พบที่พัก (ถ้าหาไม่ได้...เห็นท่าจะลำบากอีกไม่น้อย) เข้าไปสอบถาม เขาบอกว่าคืนละ ๔๕๐ ดรัคมา (ประมาณ ๑๐๐ บาท) ต้องจ่ายล่วงหน้าก่อน ๑ คืน  ได้ห้องพักหมายเลข ๑๘ เป็นห้อง dorm มี ๓ เตียง  มีฝรั่งพักอยู่แล้ว ๒ คน คนหนึ่งเป็นชาวเยอรมัน อีกคนมาจาก Austria
รีบอาบน้ำทันทีเพื่อเรียกหาความสดชื่น ทดลองเปิดก๊อกอ่างล้างหน้า พบว่ามีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น ถ้าเปิดน้ำเย็นอย่างเดียวช่างเย็นดีแท้  ใช้ดื่มได้ ไม่ต้องกลัวว่าท้องจะเสียเหมือนพวกกระเพาะบางเลยดื่มซะหายอยาก จะกลัวไปทำไมเมื่อมี Lomotil ติดตัวมาด้วย  ห้องอาบน้ำแคบมาก มีฝักบัวอยู่ตรงกลาง น้ำไหลแรงดี ต้องเปิดทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นผสมกันให้ได้อุณหภูมิพอเหมาะ สระผมแล้วเบาหัวขึ้นเยอะ...
สวมกางเกงขาสั้นและเสื้อม่อฮ่อมขาวแล้วลงไปถามที่เคาน์เตอร์ว่ามีสมุดที่พอจะหาที่อยู่ของสถานทูตไทยด้วยหรือเปล่า? เค้าช่วยค้นหาให้ แต่ได้เพียงเบอร์โทรศัพท์ แนะนำให้ไปถามบริษัททัวร์ตรงปากทาง จึงได้ทราบว่าสถานทูตไทยอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่กำลังยืนอยู่
ในที่สุดก็มีโอกาสได้ไปยืนอยู่หน้าตึกซึ่งมีป้ายเขียนบอกที่ตั้งสถานทูตไทยบนชั้น ๖  ต้องขึ้นลิฟท์ซึ่งแปลกดี คือพอลิฟท์ลงมาจอด ต้องเปิดประตูเพื่อเข้าไปข้างในเอง ตอนลิฟท์ขึ้นก็มีเฉพาะตัวลิฟท์ที่ปราศจากประตู พอหยุดก็ต้องเปิดประตูของแต่ละชั้นออกไป
หลังจากกดกริ่งที่หน้าสำนักงานสถานทูตไทย ประตูก็เปิดออกโดยเจ้าหน้าที่ชาวกรีก รีบแจ้งให้ทราบว่าเป็นคนไทยมาขอพบท่านทูต  เค้าบอกว่ามีแต่กงศุล แล้วพาเข้าไปพบทันที
Student Inn (3)
Student Inn (3)
เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ผมไปขอพบกงศุลไทยประจำกรุงเอเธนส์  วันนี้คิดถึงคุณอ้อซึ่งได้ไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นั่น  ไม่ทราบว่าจะมีโอกาสได้ไปขอพบหรือเปล่า?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น