จากด่านหมบไบของเวียดนาม (1) รถบัสขยับไปอีกประมาณ ๒๐๐ เมตร พาผู้โดยสารไปปล่อยให้ลงตรงด่านบาเว็ตของเขมร (2)....
ก้าวลงจากรถ เห็นชายคนหนึ่ง (มิใช่กระเป๋ารูปหล่อประจำรถ) ยืนรอเก็บหนังสือเดินทางและการ์ดเข้าเมืองของผู้โดยสาร "อีกแล้วหรือเนี่ย?"...ผมยื่นให้แล้วเดินตามผู้โดยสารคนอื่นไปติด ๆ ที่ด่านเขมรผมไม่ต้องไปยืนเข้าคิวรอ! กระเป๋าหนุ่มนำขบวนพาผู้โดยสารทั้งหมดออกจากตัวอาคาร ตม. ไปขึ้นรถซึ่งวิ่งมาจอดรออยู่แล้วโดยไม่พูดไม่จา ผมยกกล้องขึ้นเก็บภาพไว้ได้ ๒-๓ บาน...
รถขับเคลื่อนออกไปทันทีเมื่อผู้โดยสารขึ้นครบ อย่างเนี้ยก็มีด้วย! แล้วหนังสือเดินทางของผมหละ? ก็ต้องพยายามทำใจให้สงบ คิดว่าเค้าคงมีขั้นตอนในการดำเนินการ ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็ไม่เห็นจะอาทรร้อนใจแต่อย่างใด เอ้า...ไปที่ไหนก็ไปกัน! รถวิ่งผ่านโรงแรมใหญ่ซึ่งตอนหลังทราบว่ามีคาสิโนอยู่ด้วย...
ไปจอดให้ผู้โดยสารลง....
ถึงได้รู้ความจริงว่าตะวันตรงหัวแล้ว เค้าไปจอดให้ผู้โดยสารกินข้าวนั่นเอง! ร้านอาหารอยู่ข้างในนั่น...
ผมเดินตามเข้าไป เห็นโต๊ะตั้งอยู่เต็มห้อง มีคนนั่งกินอยู่ มองดูคล้ายบ้านเราเวลารถ บขส.ไปจอดแวะให้กินอาหาร ลึกเข้าไปมีเคาน์เต้อร์จำหน่ายอาหาร มีกับข้าวหลายอย่างให้เลือก ผมไปมองดูแล้วเลือกสั่งผัดกุ้งกับข้าวเปล่า รอให้เค้าตักให้แล้วนำไปหาโต๊ะนั่งกินได้เลย...
มีเด็กหนุ่มนำแก้วสแตนเลสน้ำเย็นมาวางให้ ผมลงมือหม่ำทันที อร่อยครับ...กุ้งผัดหวานอย่างเนี้ยผมชอบมาตั้งแต่เด็กแย้ว
กินเสร็จก็เรียกเก็บตังค์ เค้าคิดเป็นเงินเวียดนาม (ขออภัย จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่) โชคดีมีเงินดองเหลืออยู่ในกระเป๋าแสนนึง ผมจ่ายค่าอาหาร ซื้อกาแฟเย็น ๑ แก้ว ก็ยังเหลืออยู่อีก ๕ หมื่นดอง...
รถจอดอยู่นานทีเดียว จนกระทั่งผมเห็นชายคนที่เอาหนังสือเดินทางของเราไปขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาพร้อมกับหนังสือเดินทางปึกใหญ่ อ่อ...เค้านำหนังสือเดินทางและการ์ดที่ผู้โดยสารกรอกไว้ทั้งหมดไปยื่นให้ ตม.เขมร ในระหว่างที่พาผู้โดยสารไปนั่งกินข้าวรอนั่นเอง นับว่าเป็นการประหยัดเวลา ช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องไปยืนรอต่อคิวเหมือนที่ด่านเวียดนาม "เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ"...ผมคิดในใจ เมื่อความแคลงใจมลายไป
ผู้โดยสารพากันขึ้นรถ หนุ่มกระเป๋าผู้ไม่เคยเผยยิ้มนำหนังสือเดินทางมาคืนให้...
ได้รับการลงตราให้อยู่ในกัมพูชาได้จนถึงวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙... departure card แนบมาให้ครบ!
สิ้นสุดเหตุการณ์ที่ทำให้เครียดและสับสน ผมดูดกาแฟเย็นก้นแก้วปล่อยให้ไหลลงคอ เอนหลังกับพนักพิง หนทางข้างหน้าสว่างสดใส มองได้ไกลถึงกรุงพนมเปญ!
ผู้โดยสารท่านอื่นก็คงรู้สึกผ่อนคลายเช่นกัน...
ภาพข้างทางที่ได้เห็นรู้สึกว่าจะงดงามกว่าช่วงที่ผ่านมา...
ลาก่อน...หมบไบและบาเว็ต ประตูเชื่อมระหว่างเวียดนามและกัมพูชา!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น