วันนี้ขอเปลี่ยนรูปแบบการท่องโลก (Exploring the World) จากการเดินทางด้วยจักรยานพับ (Folding Bike Trip) มาเป็นการขับรถไป ผมเรียกทริปแบบนี้ว่า "Behind the Wheel" ซึ่งนาน ๆ จะได้ทำสักครั้ง จุดหมายคือวัดซึ่งมีพระประธานหันหลังหรือที่คนเหนืออาจพูดว่า "พระเจ้าบิ่นหลังต๋ำ"
วัดดังกล่าวชื่อว่า "วัดดอยแท่นพระผาหลวง" อยู่ที่บ้านโปง ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ การเดินทางไปยังวัดดอยแท่นพระผาหลวงให้ไปเริ่มต้นที่ทางเข้าใกล้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้เลย...
ถนนหนทางดีครับ...
ผ่านอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ ถนนแคบลงแต่ก็ขับสบาย ขึ้นไปได้จนถึงตัววัดซึ่งอยู่บนเนิน...
อยากให้อ่านตำนานของวัดที่ผมพิมพ์ให้แล้วดังนี้...
ตำนานของวัดกล่าวว่า ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จปรินิพพานนั้นได้เสด็จมาเสวยภัตกิจ ณ แท่นหินศิลานี้ ข้างล่างแท่นหินนี้เป็นถ้ำมีฤาษีอยู่ ทราบด้วยฌานว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมา ณ ที่นี้ จึงออกมาสนทนาธรรมและถามปัญหาธรรม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตอบปัญหาจนฤาษีได้ดวงตาเห็นธรรม และทรงมีพุทธทำนายต่อไป ณ เบื้องหน้าที่พระองค์ทรงประทับนี้ (พระองค์ทรงหันหน้ามาทางตัวเมืองเชียงใหม่) จะเป็นนครใหญ่ และเมื่อเจ้าผู้ทรงครองนครเสด็จมายังแท่นศิลาที่พระองค์ทรงประทับแห่งนี้ เมื่อนั้นจะเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนา ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับ ได้ประทับรอยพระบาทของพระองค์ไว้บนแผ่นศิลานี้ กาลต่อมา ณ แท่นศิลาที่พระองค์เคยเสด็จมาประทับแห่งนี้ ได้มีสัตว์มาพักอาศัยอยู่ชุกชุมมาก จึงมีนายพรานมาทำการล่าสัตว์ และชำแหละเนื้อบนแท่นศิลาที่พระพุทธองค์ทรงเคยมาประทับ จึงเกิดมีหมูป่าอันเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าจำแลงมางัดแท่นศิลาพลิกคว่ำลงเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก และร่ำลือกันไปทั่ว ทรงทราบถึงพระเจ้ากือนา กษัตริย์ราชวงศ์เม็งราย ผู้ครองนครล้านนาไทย จึงเสด็จออกไปทอดพระเนตร ณ ที่แห่งนั้น ทรงพบว่ามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไม่ปรากฏผู้สร้างประดิษฐานอยู่หลังแท่นศิลา จึงทรงมีพระราชศรัทธา ร่วมกับพระราชวงศ์และข้าราชการสร้างวิหารไม้สักถวายแด่พระพุทธรูป และสร้างรั้วเหล็กล้อมพระแท่นศิลานั้น ปัจจุบันนี้ยังมีหลักฐานเหลือปรากฏเป็นอักษรล้านนาไทย จารึกพระนามของพระองค์ พระมเหสี ราชบุตร ราชธิดา เสนาอำมาตย์ รอบ ๆ แท่นพระศิลานั้น โดยพระองค์พระพุทธรูปจะประทับหันหลังให้ผู้เข้าไปกราบไหว้ในพระวิหาร เป็นปริศนาธรรม และเป็นวัดเดียวที่ท่านจะได้ปิดทองหลังองค์พระปฏิมา และพระพุทธรูปหันหน้าไปทางทิศใต้แห่งเมืองเชียงใหม่จากนั้นก็ค่อยเยี่ยมชม เริ่มจากแท่นเสวยภัตกิจ (3)
อ้อมมาด้านหน้าวิหาร...
เพื่อน ๆ จะพบกับความเก่าแก่และสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า ผมได้ทราบมาว่าเค้าไม่ใช้ตะปูในการก่อสร้าง...
ได้เห็นพระประธานหันหลังให้สมใจแล้ว...ผมบันทึกภาพกลับมาให้เพื่อน ๆ ดูด้วย
เดินมาทางด้านหลังวิหารเพื่อได้เห็นพระพักตร์ยิ้มแย้มของพระประธาน...
ผมเก็บภาพหน้าบันและประตูศาลาการเปรียญหลังใหม่ (4) ไว้ด้วย...
ด้านหน้ามีรูปปั้นช้าง ๒ เชือกสำหรับให้ผู้คนได้ลอดท้องเพื่อเป็นสิริมงคล...
พระมหาธาตุเจดีย์ตั้งเด่นอยู่บนเนิน...
เพื่อน ๆ ค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดนาคไปด้วยกันนะครับ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น