อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยังไม่มีอะไรใหม่ ผมขอกลับไปเขียน "Travellin' lightไปเขมร" ต่อ ยังคงมีเรื่องราวการเดินทางจากไซง่อนไปพนมเปญ พระตะบอง ปอยเปต อรัญประเทศ และกรุงเทพที่ยังมิได้เล่าให้ฟัง คิดว่าข้อมูลบางอย่างอาจมีประโยชน์สำหรับเพื่อนนักเดินทางแบบประหยัดไม่มากก็น้อย วันนี้อยากเล่าเรื่องการเดินทางผ่านด่านหมบไบ (Moc Bai) ของเวียดนามนะครับ
ภาพจาก mrpumpy.net |
คุณ Nguyet Tran เจ้าของโอสเทลได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ปกติตั๋วรถไซง่อน-พนมเปญ ราคา $15 เค้าคิดผมเพียง $12 บอกว่าเป็นคนอาเซียนด้วยกัน เช้าวันเดินทาง ผมกินอาหารเช้าฟรีเรียบร้อยแล้วออกมานั่งรอที่ล็อบบี้ พอได้เวลาคุณ Nguyet Tran ก็พาผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ วิ่งไปยังที่จำหน่ายตั๋วรถ Phuong Heng ซึ่งอยู่ไม่ไกล...
ช่วยไปซื้อตั๋วให้เสร็จ...
หนุ่มเวียดชี้ให้ผมดูรถบัสซึ่งจอดอยู่ข้างหน้า ก่อนอำลาแล้วบึ่งแมงกะไซค์จากไป
ใกล้เวลาแล้ว...ผมขึ้นนั่งรอบนรถ เป้ใบไม่ใหญ่สามารถวางไว้กับตัว หรือบนชั้นวางก็ได้
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ "น้ำดื่ม" อย่าลืมพกไปด้วย เพราะหนทางยังอีกยาวไกล!
ช่วงห่างระหว่างเก้าอี้มีมากพอจะทำให้คนขายาวอย่างผมนั่งได้อย่างสบาย ๆ
ในขณะที่เจ้าหนูน้อยเล่นนอนไปซะงั้น...
เที่ยวนี้มีผู้โดยสารไม่เต็มคัน ส่วนใหญ่เป็นชาวเวียดนามและเขมร มีฝรั่งอยู่ ๔-๕ คน และที่แน่ ๆ คือชายไทยหัวเดียวกระเทียมลีบจากเขลางค์นคร!
รถออกตามเวลา นอกจากคนขับแล้ว มีกระเป๋าหนุ่มคนหนึ่งคอยตรวจดูแล เพื่อน ๆ ต้องจำหน้าไว้ให้ดี เพราะเค้าจะมาเก็บหนังสือเดินทางของเราไป...
สถานะการณ์ข้างหน้ายังอึมครึม เก็บหนังสือเดินทางเราไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป! ผมได้แต่นั่งดูภาพข้างทาง...
ถึงแล้วครับ... ผมมองเห็นด่านหมบไบ (1) อยู่ข้างหน้า
รถไปจอดให้ผู้โดยสารทุกคนลง ไม่มีการอธิบายอะไรให้ทราบทั้งนั้น ผมต้องทำความเข้าใจด้วยตนเอง เกาะกลุ่มเอาไว้ เดินตามเข้าไปยังห้อง passport control ด้านขาออก (departure) ซึ่งมีป้ายบอกชัดเจนว่าไม่ให้ถ่ายรูปเด็ดขาด บนเคาน์เต้อร์ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ตม. ประจำ ผมเห็นหนังสือเดินทางวางไว้เป็นปึก ๆ ช่วงนี้มีรถโดยสารผ่านเข้าเขมรหลายคัน ผู้โดยสารลงมายืนออต่อคิวอยู่เต็มห้อง ใคร ๆ ก็อยากผ่านโดยเร็ว แต่มันก็ไม่ง่ายนัก เจ้าหน้าที่ทำงานแบบช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม แถมยังมีบางคนเอาเปรียบลัดคิวโดยอาศัยความคุ้นเคย มีนักท่องเที่ยวฝรั่งหลายคนยืนอยู่ข้างหน้า ตอนนั้นผมจำไม่ได้แล้วว่าคนไหนมาด้วยรถคันเดียวกัน มองหาหนุ่มกระเป๋าก็ไม่เห็น อยากรู้ว่าหนังสือเดินทางผมอยู่ไหน?
นี่แหละเป็นประสบการณ์ที่ผมต้องนำมาบอกต่อ ถ้าเพื่อน ๆ เดินทางมากับรถที่กระเป๋าพูดภาษาอังกฤษได้ เค้าอาจจะบอกให้ทราบว่าควรทำอย่างไร แต่ถ้าเจออย่างที่ผมเจอ ก็ต้องพยายามหาคำตอบเอาเอง ทำใจให้สงบแล้วสังเกตดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตม. เวียดนาม
ต้องคอยดูว่ากองไหนเป็นหนังสือเดินทางผู้โดยสารรถ Phuong Heng เมื่อเจ้าหน้าที่กวาดไปไว้ข้างหน้าแล้วเปิดประทับตราให้ทีละเล่ม (ผ่าน ตม. เวียดนาม ไม่ต้องกรอกเอกสารอื่น) เรียบร้อยแล้วก็โยนหนังสือเดินทางไปข้างหน้า มีชายหนุ่มซึ่งเป็นใครไม่รู้หยิบไปเปิดดู แล้วประกาศเรียกชื่อ (ดังบ้างไม่ดังบ้าง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของชื่อ) ให้เจ้าของ passport ไปรับ ได้หนังสือเดินทางคืนแล้ว...ทุกคนรีบเดินออกทางประตูข้าง คงโล่งใจที่ผ่านพ้นไปได้ซะที!
ผมเองก็ต้องรอ ตาจ้องจับดูหนังสือเดินทางปกสีน้ำตาลที่มีรูปครุฑสีทอง เห็นแล้วหละว่าเจ้าหน้าที่ ตม. นำไปประทับตราให้แล้ววางไว้ข้างหน้า แต่เจ้าหนุ่มที่คอยหยิบไปช่วยประกาศเรียกชื่อกลับไม่อยู่ทำหน้าที่ ผมตัดสินใจก้าวเดินออกไปหยิบขึ้นมา เห็นว่าเป็นของตัวเองแน่แล้วก็เดินสู่ทางออกทันที...
ผ่านช่วงเวลาแห่งความเครียดออกมายืนอยู่ข้างนอก... ผมเห็นรถบัสมาจอดรออยู่แล้ว
ยังมีเวลาให้เดินถ่ายภาพไว้อีก ๒-๓ บาน...
กลับขึ้นนั่งบนรถ อุ่นใจที่มีหนังสือเดินทางอยู่กับตัว
ห่างจากนี้ไปอีก ๒๐๐ เมตร จะต้องผ่านด่าน Bavet (2) ของเขมร...
ก่อนรถออก...กระเป๋ารถนำเอกสารเข้าเมืองเขมรมายื่นให้ ปากก็ยังคงปิดสนิท!
เกิดมาก็ยังไม่เคยเหยียบดินแดนขแมร์ ไม่รู้ว่าอะไรจะรออยู่ข้างหน้า!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น