วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Travellin' light ไปเขมร - ด่านหมบไบ (Moc Bai)

เพื่อน ๆ ที่รักครับ!  เรื่อง "FB Trip ไปลาว" จบลงแล้วแต่ยังคงมีต่อ เพราะผมได้เปลี่ยนใจแล้วว่าจะต้องหาโอกาสนำจักรยานพับใส่รถไฟไปปั่นในลาวอีกให้ได้ ทริปที่วางแผนไว้ในใจคือ นั่งรถไฟไปอุบลราชธานี ออกทางช่องเม็ก แล้วปั่นไปปากเซ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยังไม่มีอะไรใหม่ ผมขอกลับไปเขียน "Travellin' lightไปเขมร" ต่อ  ยังคงมีเรื่องราวการเดินทางจากไซง่อนไปพนมเปญ พระตะบอง ปอยเปต อรัญประเทศ และกรุงเทพที่ยังมิได้เล่าให้ฟัง คิดว่าข้อมูลบางอย่างอาจมีประโยชน์สำหรับเพื่อนนักเดินทางแบบประหยัดไม่มากก็น้อย  วันนี้อยากเล่าเรื่องการเดินทางผ่านด่านหมบไบ (Moc Bai) ของเวียดนามนะครับ

ภาพจาก mrpumpy.net
พักที่ Saigon Central Hostel นอน dorm bed คืนละ $7  หลังจากใช้เวลา ๔ วันท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่า ผมก็ตัดสินใจนั่งรถโดยสารจากโฮจิมินห์ซิตี้ไปกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา...


คุณ Nguyet Tran เจ้าของโอสเทลได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี  ปกติตั๋วรถไซง่อน-พนมเปญ ราคา $15 เค้าคิดผมเพียง $12 บอกว่าเป็นคนอาเซียนด้วยกัน  เช้าวันเดินทาง ผมกินอาหารเช้าฟรีเรียบร้อยแล้วออกมานั่งรอที่ล็อบบี้ พอได้เวลาคุณ Nguyet Tran ก็พาผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ วิ่งไปยังที่จำหน่ายตั๋วรถ Phuong Heng ซึ่งอยู่ไม่ไกล...


ช่วยไปซื้อตั๋วให้เสร็จ...


หนุ่มเวียดชี้ให้ผมดูรถบัสซึ่งจอดอยู่ข้างหน้า ก่อนอำลาแล้วบึ่งแมงกะไซค์จากไป



ใกล้เวลาแล้ว...ผมขึ้นนั่งรอบนรถ เป้ใบไม่ใหญ่สามารถวางไว้กับตัว หรือบนชั้นวางก็ได้


สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ "น้ำดื่ม" อย่าลืมพกไปด้วย เพราะหนทางยังอีกยาวไกล!



ช่วงห่างระหว่างเก้าอี้มีมากพอจะทำให้คนขายาวอย่างผมนั่งได้อย่างสบาย ๆ


ในขณะที่เจ้าหนูน้อยเล่นนอนไปซะงั้น...


เที่ยวนี้มีผู้โดยสารไม่เต็มคัน ส่วนใหญ่เป็นชาวเวียดนามและเขมร มีฝรั่งอยู่ ๔-๕ คน และที่แน่ ๆ คือชายไทยหัวเดียวกระเทียมลีบจากเขลางค์นคร!


รถออกตามเวลา นอกจากคนขับแล้ว มีกระเป๋าหนุ่มคนหนึ่งคอยตรวจดูแล  เพื่อน ๆ ต้องจำหน้าไว้ให้ดี เพราะเค้าจะมาเก็บหนังสือเดินทางของเราไป...


สถานะการณ์ข้างหน้ายังอึมครึม เก็บหนังสือเดินทางเราไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป! ผมได้แต่นั่งดูภาพข้างทาง...








ถึงแล้วครับ... ผมมองเห็นด่านหมบไบ (1) อยู่ข้างหน้า


รถไปจอดให้ผู้โดยสารทุกคนลง ไม่มีการอธิบายอะไรให้ทราบทั้งนั้น ผมต้องทำความเข้าใจด้วยตนเอง เกาะกลุ่มเอาไว้ เดินตามเข้าไปยังห้อง passport control ด้านขาออก (departure) ซึ่งมีป้ายบอกชัดเจนว่าไม่ให้ถ่ายรูปเด็ดขาด บนเคาน์เต้อร์ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ตม. ประจำ ผมเห็นหนังสือเดินทางวางไว้เป็นปึก ๆ ช่วงนี้มีรถโดยสารผ่านเข้าเขมรหลายคัน ผู้โดยสารลงมายืนออต่อคิวอยู่เต็มห้อง ใคร ๆ ก็อยากผ่านโดยเร็ว แต่มันก็ไม่ง่ายนัก เจ้าหน้าที่ทำงานแบบช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม แถมยังมีบางคนเอาเปรียบลัดคิวโดยอาศัยความคุ้นเคย มีนักท่องเที่ยวฝรั่งหลายคนยืนอยู่ข้างหน้า ตอนนั้นผมจำไม่ได้แล้วว่าคนไหนมาด้วยรถคันเดียวกัน มองหาหนุ่มกระเป๋าก็ไม่เห็น อยากรู้ว่าหนังสือเดินทางผมอยู่ไหน?

นี่แหละเป็นประสบการณ์ที่ผมต้องนำมาบอกต่อ ถ้าเพื่อน ๆ เดินทางมากับรถที่กระเป๋าพูดภาษาอังกฤษได้ เค้าอาจจะบอกให้ทราบว่าควรทำอย่างไร แต่ถ้าเจออย่างที่ผมเจอ ก็ต้องพยายามหาคำตอบเอาเอง ทำใจให้สงบแล้วสังเกตดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตม. เวียดนาม

ต้องคอยดูว่ากองไหนเป็นหนังสือเดินทางผู้โดยสารรถ Phuong Heng  เมื่อเจ้าหน้าที่กวาดไปไว้ข้างหน้าแล้วเปิดประทับตราให้ทีละเล่ม (ผ่าน ตม. เวียดนาม ไม่ต้องกรอกเอกสารอื่น) เรียบร้อยแล้วก็โยนหนังสือเดินทางไปข้างหน้า มีชายหนุ่มซึ่งเป็นใครไม่รู้หยิบไปเปิดดู แล้วประกาศเรียกชื่อ (ดังบ้างไม่ดังบ้าง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของชื่อ) ให้เจ้าของ passport ไปรับ ได้หนังสือเดินทางคืนแล้ว...ทุกคนรีบเดินออกทางประตูข้าง คงโล่งใจที่ผ่านพ้นไปได้ซะที!

ผมเองก็ต้องรอ ตาจ้องจับดูหนังสือเดินทางปกสีน้ำตาลที่มีรูปครุฑสีทอง เห็นแล้วหละว่าเจ้าหน้าที่ ตม. นำไปประทับตราให้แล้ววางไว้ข้างหน้า แต่เจ้าหนุ่มที่คอยหยิบไปช่วยประกาศเรียกชื่อกลับไม่อยู่ทำหน้าที่ ผมตัดสินใจก้าวเดินออกไปหยิบขึ้นมา เห็นว่าเป็นของตัวเองแน่แล้วก็เดินสู่ทางออกทันที...


ผ่านช่วงเวลาแห่งความเครียดออกมายืนอยู่ข้างนอก... ผมเห็นรถบัสมาจอดรออยู่แล้ว


ยังมีเวลาให้เดินถ่ายภาพไว้อีก ๒-๓ บาน...



กลับขึ้นนั่งบนรถ อุ่นใจที่มีหนังสือเดินทางอยู่กับตัว


ห่างจากนี้ไปอีก ๒๐๐ เมตร จะต้องผ่านด่าน Bavet (2) ของเขมร...


ก่อนรถออก...กระเป๋ารถนำเอกสารเข้าเมืองเขมรมายื่นให้ ปากก็ยังคงปิดสนิท!


เกิดมาก็ยังไม่เคยเหยียบดินแดนขแมร์ ไม่รู้ว่าอะไรจะรออยู่ข้างหน้า!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น