กำหนดบินจากดอนเมืองไปมัณฑะเลย์ของผม คือ วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๕๐ น. ถ้าเป็นประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่าอย่างเวียดนาม มาเลเซีย หรือ สิงคโปร์ ผมคงเดินทางลงกรุงเทพด้วยรถ บขส. คืนวันที่ ๒ เมษายน ถึงสนามบินตอนเช้าแล้วขึ้นเครื่องเลย แต่พอเป็นประเทศพม่าซึ่งยังคงต้องใช้วีซ่า ผมจำเป็นต้องสละเวลาและเสียเงินเพิ่มเพื่อขอวีซ่า!!
ค่าธรรมเนียมวีซ่าอัตราปกติคือ ๘๑๐ บาท ผมจะต้องนอนรออยู่ในกรุงเทพ ๓ คืน หมดค่าที่พักและอาหารการกินอีกประมาณวันละ ๓๐๐ บาท รวมแล้วการไปพม่ามีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็น ๑,๗๒๐ บาท! เสียเวลาอีก ๒-๓ วัน
อย่างไรก็ตาม การขอวีซ่าไปพม่าทุกวันนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ขอเพียงเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน…
Application Form อัพเดทแล้วต้องมี ๒ แผ่น (มีประวัติการทำงานเพิ่มขึ้นอีก ๑) เพื่อน ๆ ดาวน์โหลดจาก ที่นี่ แล้วนำไปกรอกไว้ก่อนได้เลย อย่างอื่นก็มีรูปถ่ายขนาด ๒ นิ้ว (พื้นขาว) ๒ ใบ หลักฐานการงงการเงินไม่ต้องใช้ ค่าธรรมเนียมถ้าเป็นแบบปกติใช้เวลา ๓ วันทำการ คือ ๘๑๐ บาท หากเป็นแบบด่วน รับวันรุ่งขึ้นต้องจ่ายเพิ่มเป็น ๑,๐๓๕ บาท…
คราวก่อนไปย่างกุ้ง ผมบินจากสุวรรณภูมิ ต้องไปพักรออยู่ที่ Madee Hostel ๓ คืน อะไรไม่เลวร้ายเท่าการเผชิญกับสภาพจราจรแออัด คนเมืองรถม้ารับไม่ค่อยไหว! มาคราวนี้ผมตัดสินใจทำให้จบภายในวันเดียว ยอมจ่าย ๑,๒๖๐ บาท เพื่อรับหนังสือเดินทางเย็นนี้เลย!!
เสียเงินอีก ๔๕๐ บาท เพื่อจะได้ออกจากกรุงเทพมหานคร หลบไปอยู่ไหนก็ได้ที่ห่างไกลความสับสนวุ่นวาย แล้วค่อยกลับมาขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองตอนเช้าวันที่ ๓ เมษายน…
ยื่นขอวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ผมต้องมาคิดว่าเย็นนี้ได้หนังสือเดินทางแล้วจะไปไหนดี? มีให้เลือก ๓ ทางคือ ๑. นั่งรถโดยสารจากเอกมัยไปหาเพื่อนเก่าที่ชลบุรี ๒. นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปหัวหิน และ ๓. นั่งรถไฟฟรีจากหัวลำโพงไปสุพรรณบุรี
ผมเลือกหนทางสุดท้าย คือ นั่งรถไฟไปสุพรรณบุรี
รถไฟที่วิ่งไปสุพรรณบุรีมีขบวนเดียว คือ ขบวน 355 ออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา ๑๖.๔๐ น.
ผมสั่งตัวเองว่า เย็นนี้พอได้รับหนังสือเดินทางแล้วจะต้องรีบไปขึ้นรถไฟไปสุพรรณบุรี…
ระหว่างรอ…ผมฆ่าเวลา ๕ ชั่วโมงด้วยการไปแลกเงินที่ Superrich สาขาถนนสีลม แล้วนั่งรถไฟฟ้าไปเดินในวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ ทุ่งมหาเมฆ (ชื่อเดิม) อีกครั้ง จากนั้นก็ไปตลาดสวนพลู เข้าซอยสวนพลู ๑ เดินหาหอพักจำนงค์จนเจอ แล้วทะลุออกไปด้านหลัง แม้แดดจะร้อน อากาศจะอบอ้าว เนื้อตัวจะเหนียวเหนอะ ผมก็ไม่หวั่น เดินเที่ยวมันไปเรื่อย ไม่รู้จักเหนื่อยอ่อน ปล่อยให้เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่าย ๒ โมงจึงได้กลับไปนั่งรอรับหนังสือเดินทางอยู่ที่ถนนปั้น…
คนเยอะมาก ผมเพิ่งได้มาเห็นฝรั่งลัดคิวและแย่งกันเข้าประตูก็วันนี้แหละ! เวลา ๑๕.๕๐ น. ผมได้หนังสือเดินทางมาไว้ในมือ รีบออกจากสถานทูตพม่า ต้องไปสถานีหัวลำโพงให้ทันขึ้นรถไฟไปสุพรรณบุรี!!
มีเวลาไม่มากนัก ความระทึกจึงบังเกิดกับชายผู้ไม่คุ้นเคยกับการเดินทางยุคใหม่ในเมืองหลวง!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น