๙ เมษายน ๒๕๕๖ หกโมงเย็น ท้องฟ้าทอแสง บรรยากาศริมฝั่งโขงชวนให้ผมรีบนำจักรยานออกปั่น….
มีเพียงกล้อง Sony DSC-P200 สำหรับบันทึกภาพยามอัสดง ผมรู้สึกไม่ถนัดมือเหมือนกับใช้เจ้า Nikon คงเป็นเพราะเริ่มคุ้นเคยกับการมองผ่าน view finder แล้วปรับหน้ากล้องและโฟกัสด้วยตัวเองเสียแล้ว พอมาใช้ point and shoot ก็เลยรู้สึกเหมือนว่าจะขาดอะไรไปอย่าง!
จากเชียงแสนเกสต์เฮ้าส์ (1) ผมปั่นเจ้า Coyote ขึ้นไปตามถนนเลียบแม่น้ำโขง หยุดจอดบันทึกภาพไปเรื่อย ๆ…
ท้องฟ้ามีหมอกควันบดบังคล้ายกับที่ผมเห็นในเมืองเชียงของเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว! วันนี้อากาศที่ผมสูดเข้าปอดยังไม่บริสุทธิ์พอที่จะทำให้ต้องร้องเพลง Top of The World ของ The Carpenters ซึ่งมีว่า…
Such a feelin’s comin’ over meงั่ม ๆ ปั่นไปได้หน่อย รู้สึกหิวน้ำขึ้นมาซะแล้ว ผมต้องรีบจอดที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง (2)…
There is wonder in most everything I see
Not a cloud in the sky
Got the sun in my eyes
And I won’t be surprised if it’s a dream
ซื้อน้ำเย็น ๑ ขวด ๕ บาท ผมดูดอึก ๆ เพื่อดับกระหายแล้วนำมาตั้งคู่กับกระติกน้ำที่ครูหนิงให้มา ถ่ายภาพไว้ ๑ บานก่อนที่จะรินน้ำส่วนที่เหลือลงกระติก…
ขี่จักรยานต่อไปจนถึงโรงแรม “พักพิงริมโขง” (3) เจ้ากระต่ายหลงจันทร์อย่างผมขอถ่ายภาพมาให้เพื่อน ๆ ดูหน่อย…
ปั่นเลยศูนย์การค้าที่ยังเงียบเหงาไปอีกไม่ไกล เห็นว่าท้องฟ้ามืดลงมากแล้ว…ผมเลี้ยวกลับ!
ถัดจากอาคารศูนย์การค้า ผมเห็นลานเบียร์ (4) อยู่หน้า site ก่อสร้างอาคารพาณิชย์ที่กำลังผุดขึ้นมาบดบังทัศนียภาพลำน้ำโขงจนสิ้นหมด…
ยังไม่มีลูกค้า…แต่มือกีต้าร์หญิงบนเวทีใหญ่ก็ทำงานของเธอไปเรื่อย ๆ เสียงเพลง “I’ll have to say I love you in a song” ทำให้ผมต้องหยุดแอบฟังอยู่ข้างถนน เธอเล่นกีต้าร์ดี เสียงร้องก็ชัดเจน รู้สึกเห็นใจที่เธอต้องร้องเพลงให้ทหารม้าและทหารอากาศฟัง (เหมือนผมในอดีต) อยากจะเข้าไปคุยด้วยและให้กำลังใจเธอแต่ไม่กล้า ก็คงเหมือนกับ Jim Croce ที่บอกว่า
Every time I tried to tell you
The words just came out wrong
So I’ll have to say I love you in a song
โห! มืดแล้ว...ต้องรีบกลับที่พัก ทางด้านซ้ายมือมีป้ายชี้ทางลงไปหาดเชียงแสน ปั่นลงไปได้ครึ่งทาง เบื้องหน้าไม่เห็นชายหาด มีแต่ร้านขายอาหารและร้านสุรา (5) แถมหนทางก็ขรุขระ ผมตัดสินใจเลี้ยวกลับทันที!
หิวแล้วด้วย ไปหาอะไรกินดีกว่า…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น