นั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับคนขับทำให้มองเห็นสภาพถนนและสองข้างทางผ่านกระจกหน้า...
ผมบันทึกไว้ว่า "ปิคอัพวิ่งจากพินอูลวินจอดรับคนเป็นระยะ ๆ - ถึงจุดหนึ่งก็จอดให้กินอาหาร ผู้โดยสารไม่ลงไปกิน นอกจากคนขับ - ซื้อถั่วคล้ายถั่วลันเตาชุบแป้งทอด ๑ ถุง ราคา ๘๐๐ จ๊าด - รถวิ่งต่อ - มีคนสาดน้ำอยู่ข้างทาง ต้องปิดกระจก..."
ขณะรถวิ่งผ่านเมือง ๆ หนึ่ง ผมเห็นเวทีตั้งอยู่ริมทาง ผู้คนกำลังเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน...
เมื่อล้อหมุนถึงมัณฑะเลย์ ปิคอัพที่นั่งไปก็ต้องค่อย ๆ คลานตามขบวนรถเล่นสงกรานต์ไป...
๑๐.๓๐ น. ถึงได้จอดข้างถนนสายหนึ่ง คนขับดับเครื่องแล้วลงจากรถไปเงียบ ๆ ปล่อยให้ผมนั่งรออยู่ นึกว่ายังไม่ถึงปลายทาง...ผมยกกล้องขึ้นเก็บภาพที่เห็นไปเรื่อย ๆ
พักใหญ่ก็มีชายคนหนึ่งมาชี้ไม้ชี้มือบอกให้ลงจากรถ พูดได้แต่ว่า "แท็กซี่ ๆ" ผมถึงได้รู้ว่ารถที่นั่งมาหมดระยะแล้ว ต้องต่อแท็กซี่ไปอีก ชายไทยผู้งุนงงลงจากรถ ยกเป้ขึ้นสะพายหลังคิดที่จะเดินไป หนุ่มพม่าบอกเตือนว่าไกลนะ พอดีมีหนุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างคนหนึ่งเข้ามาอาสาพาไปส่งโดยเรียกค่าโดยสาร ๓,๐๐๐ แล้วลดเหลือ ๒,๐๐๐ ผมต่อรองลงอีกเป็น ๑,๕๐๐ ในที่สุดก็เป็นที่ตกลง....
ผมขึ้นซ้อนท้ายโดยไม่มีหมวกกันน็อค มอเตอร์ไซค์พาผมมุ่งหน้าไปตามถนนพลุกพล่าน ผ่านสี่แยกหลายแห่ง จนกระทั่งคนขับหันมาตะโกนว่า "ทะเวนตี้ไฟว์" ซึ่งหมายถึงถนนสาย 25 ผมก็ได้เห็นป้าย Royal Guest House เขาหยุดจอดให้ลง
ผมยืนตั้งมั่นให้ได้ก่อนที่จะควักกระเป๋าจ่ายค่าโดยสาร ๑,๕๐๐ จ๊าดพร้อมกล่าวขอบคุณที่ช่วยมาส่ง หลังจากนั้นก็เข้าไปในเกสต์เฮ้าส์ ไม่มีปัญหาใด ๆ เพราะได้จองและจ่ายเงินค่าที่พัก ๒ คืนไว้แล้ว เอาใบเสร็จให้พนักงานสาวดู เธอขอหนังสือเดินทางไปลงทะเบียน เสร็จแล้วก็ยื่นกุญแจห้องให้ เวลา ๑๑.๓๐ น. ผมก้าวขึ้นบันไดสูงที่คุ้นเคย...
เข้าห้องพักซึ่งเปิดเตรียมไว้ให้แล้ว...
นับนิ้ว ๒ นิ้ว ผมรู้ว่าจะต้องนอนบนเตียงนี้อีก ๒ คืน ก่อนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยวันมะรืนนี้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น