ช่วงเวลาที่เป็นกังวลใจมากที่สุด สำหรับการเดินทางแบบตัวเบาไปเวียดนามในครั้งนี้ ก็คือวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ซึ่งผมจะต้องบินกลับประเทศไทย เครื่องออกเวลา ๙ โมงเช้า ดูเหมือนว่าผมมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการไปสนามบิน แต่ต้องไม่ลืมว่าการนอนอยู่ในห้องนอนรวมมืด ๆ ที่อยู่ห่างจากสนามบินถึง ๓๐ กว่ากิโลเมตรนั้น มีโอกาสพลาดเผลอได้เสมอ เช่น ตื่นสาย ไปขึ้นรถไม่ทัน หรือเกิดเหตุอะไรก็ตามที่ทำให้ต้องเสียเวลา ความบีบคั้นจะต้องมีมากเป็นทวีคูณ ตื่นเต้นแบบนั้นไม่อยากเจอ... ผมจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามแผน
เริ่มต้นด้วยการตั้งให้นาฬิกาปลุกตอนตี ๕ ต้องมั่นใจว่ามันจะปลุกแน่ ๆ ตอนเช้ามืดวันที่ ๑๗ กรกฎาคม...
ในขณะที่เพื่อน hosteler ทั้งหญิงและชายอีก ๗ คนกำลังหลับสบาย ผมต้องตื่นก่อน ย่องลงจากเตียง (upper) แล้วไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน และสระผม จากนั้นก็แต่งตัว เก็บของลงเป้ สำรวจดูให้ดีว่าไม่หลงลืมอะไรไว้ เมื่อพร้อมแล้ว...ก่อนจะเดินออกจากห้อง ผมใช้มือตบตามตัวดูว่า นี่หนังสือเดินทาง นี่กระเป๋าตังค์ นี่กล้องถ่ายรูป นี่โทรศัพท์ นี่กุญแจที่จะต้องส่งคืน ทุกอย่างครบแล้วถึงเปิดประตู ก้าวเดินออกจากห้องที่เคยให้พักพิงถึง ๔ วันเต็ม...
หมดปัญหาเรื่องตื่นสาย ต่อไปก็ต้องลงไปปลุกพนักงานที่นอนเฝ้า ซึ่งดันแอบไปหลบนอนอยู่ที่พื้นหลังเค้าน์เตอร์ ให้ช่วยไขกุญแจเปิดประตูหน้า...
ออกไปยืนแบกเป้อยู่หน้า hostel แล้ว ก็ต้องเดินไปขึ้น shuttle bus ผมไปถึงก่อนเวลารถออกประมาณครึ่งชั่วโมง พอได้นั่งบนรถก็โล่งใจไปอีกเปลาะนึง! ยิ่งรถออกวิ่งก็ยิ่งยิ้มได้...
ถึงสนามบินแล้วก็ยังต้องไปหาว่าจุด check in อยู่ตรงไหน...
พยายามไปให้ถึงจุดที่จะได้รอขึ้นเครื่องให้เร็วที่สุด...
จนกระทั่งพบตัวเองว่ากำลังล่องลอยอยู่เหนือก้อนเมฆอย่างนี้แล้วนั่นแหละ! ผมจึงพูดได้เต็มปากว่า "I'm eventually returning home."
เพื่อน ๆ ที่รักครับ ผมเดินทางกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว มีเรื่องนำมาเขียนให้อ่านมากมาย พร้อมกับภาพประกอบอีกประมาณ ๓ พันบาน!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น