อาทิตย์ที่แล้วผมพาเจ้า Coyote นั่งรถไฟจากสถานีห้างฉัตรไปเชียงใหม่ คราวนี้อยากจะลอง”เมล์เขียว”ดูบ้าง! ก่อนเที่ยงวันวานนี้…ผมหิ้วกระเป๋าจักรยานออกจากบ้าน!
ความจริงเจ้า Coyote เคยมีประสบการณ์นั่งเมล์เขียวมาแล้วครั้งนึง เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๕ บนเส้นทางจากพะเยาถึงลำปาง (ตามภาพ)
ประโยชน์ของกระเป๋า คือ มันทำให้จักรยานทั้งคันสามารถซ่อนตัวไปกับเราได้ทั้งบนรถเมล์และรถไฟ ไปเชียงใหม่คราวนี้ อยากพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง… ผมพาเจ้า Coyote ไปรอรถเมล์เขียวตั้งแต่เที่ยงวัน!!
นั่งรอร้อรอ…ผมหันหน้าไปทางที่รถเมล์จะวิ่งมาจากลำปาง
มีผู้โดยสาร ๓-๔ คนนั่งรออยู่ด้วย…
๑๔.๑๐ น. ถึงได้เห็นรถเมล์เขียววิ่งมา กว่า ๒ ชั่วโมงที่นั่งรอมิได้ทำให้ผมเป็นทุกข์ เพราะเคยมีประสบการณ์รอคอยที่ลำบากและนานกว่านี้ ที่หลวงน้ำทาและเวียงภูคา จากทริป “ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ” เมื่อปลายปีที่แล้ว
รถจอดรับผมเพียงคนเดียว คนอื่น ๆ พากันขึ้นรถสองแถวและรถทัวร์ไปหมดแล้ว พนักงานหญิงเอื้อมมือมารับกระเป๋าจากผม นำไปวางไว้รวมกับสัมภาระอื่น ๆ ข้างหลังเบาะ!
มีคนโดยสารเต็มรถ แต่โชคดียังมีที่ว่างเหลืออยู่ ๑ เบาะ ผมจึงไม่ต้องยืนไป ค่าโดยสารไปเชียงใหม่ ๕๐ บาท!
พอถึงลำพูน คนลงกว่าครึ่งคันรถ!
ผมลงไปด้วย ขอถ่ายภาพเมล์เขียว “พะเยา-ลำปาง” ไว้หน่อย
สี่โมงเย็น รถวิ่งเลยแยกสารภี ผมลุกขึ้นไปบอกพนักงานเก็บเงินหญิงว่าขอลงตรงสะพานลอยก่อนหน้าสะพานลอยดอนจั่น (1) ตรงนั้นคือถนนวงแหวนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ที่ผมสามารถปั่นจักรยานตรงไปเวียงกุมกามได้ ผมได้ยินเธอถามว่า “ลุงขายหยัง?” ตอนแรกก็เป็นงง! แต่พอเข้าใจว่าคำถามนั้นมาจากกระเป๋าดำใบใหญ่ที่เธอรับจากมือผม จึงอธิบายว่านั่นไม่ได้ใส่ของไปขายหรอก แต่เป็นจักรยานพับ ตั้งใจจะใช้ขี่ไปเวียงกุมกาม เธอให้ความเห็นว่า “บ่าหนักน้อ”
ยังไม่ถึงจุดหมาย (1) ที่ผมต้องการจะลง…รถเมล์ก็จอดซะแล้ว ตรงนั้นคือบริเวณหน้าโรงเรียนช่องฟ้าซินเซิงวาณิชบำรุง (2)
เอาเหอะ ไหน ๆ ก็จอดแล้ว…ผมหิ้วกระเป๋าลงจากรถ!
จากตรงนี้ก็ขี่จักรยานไปเวียงกุมกามได้ แต่ไกลกว่าเท่านั้น!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น