วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Travellin' light ไปพม่า - วัดสันตะมุนี

ออกจากวัดจอคตอคยี (Kyauktawgyi) ผมขี่จักรยานถึงสามแยก เห็นวัดสันตะมุนีอยู่ด้านซ้ายมือ!


วัดนี้ก็ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับวัดกุโสดอร์ มีมณฑปเรียงรายมากมาย  (ดูในภาพถ่ายดาวเทียมคล้ายกับขาของซีพียูรุ่นพิเศษ!) 



ทางเดินปูกระเบื้องนำไปสู่องค์พระเจดีย์....







แผ่นหินอ่อนที่จารึกพระไตรปิฎก จำนวน ๑,๗๗๔ แผ่น มีขนาดกว้าง ๓.๕ ฟุต สูง ๕.๕ ฟุต หนา ๖ นิ้ว...



พระเจดีย์สวยงามเช่นกัน...


ซูมให้เพื่อน ๆ ได้เห็นชัด ๆ อย่างนี้ดีมั้ย?


wikitravel.org  บอกว่าพระประธานในวัดสันตะมุนีเป็นพระพุทธรูปเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก (the world's largest iron Buddha image) จะจริงหรือเปล่าไม่รู้?  เพราะผมเห็นวัดไผ่โรงวัวก็คุยว่ามีพระพุทธรูปหล่อโลหะที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ความแตกต่างน่าจะอยู่ที่เนื้อโลหะ...ผมก็ยังสงกะสัยอยู่!


เอาเหอะ ของใครใหญ่ก็ว่าไป ผมไปหาซื้อตั๋วเรือดีกว่า!  จากวัดสันตะมุนี...จะต้องปั่นจักรยานไปทางตะวันตก ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดีโน่น!


ได้ตั๋วเรือเมื่อไหร่ ผมก็โล่งใจเมื่อนั้น!

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Travellin' light ไปพม่า - วัดจอคตอคยี (Kyauktawgyi)

ผมมีภาระกิจตามหาพระพุทธรูปหินอ่อนองค์ใหญ่ในมัณฑะเลย์ให้ได้  ก่อนอื่นต้องนำภาพที่ถ่ายไว้เมื่อ ๓๑ ปีที่แล้วมาให้เพื่อน ๆ ดูก่อน...



จำได้ติดตา...รู้ว่าวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้อยู่ใกล้ ๆ กับมัณฑะเลย์ฮิลล์ ผมจึงปั่นจักรยานไปเริ่มต้นการค้นหาที่ทางขึ้นมัณฑะเลย์ฮิลล์


เมื่อวานนี้ผมขี้นมัณฑะเลย์ฮิลล์ตอนหัวค่ำ ไม่ได้ถ่ายภาพสิงห์คู่ที่นั่งเฝ้าอยู่ตรงบันไดทางขึ้น วันนี้ขอลั่นชัตเตอร์ซะหน่อย...




ตรงกันข้ามมีวัดชื่อ Yadanarbon San Kyaung (4) ผมถ่ายภาพมาให้ดูอีก ๑ บาน...


ปั่นจักรยานจากจุดเริ่มต้น (1) แวะขึ้นไปดูบนเนินที่อยู่ด้านซ้ายมือ ก่อนที่จะเลี้ยวโค้งลงไปเห็นวัดอีกวัดหนึ่งอยู่ทางขวามือ (2)...


ผมจอดรถไว้ด้านหน้าแล้วเดินเข้าไป...



น่าจะเป็นวัดนี้แหละ...ผมคิดในใจ




นั่นไง...เจอแล้ว!  พระพุทธรูปหินอ่อนในพระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา( ตัก ) พระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุ ( เข่า ) นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงพื้นธรณี...


ได้อ่านมาว่า... พระพุทธรูปหนัก ๙๐๐ ตัน สูง ๒๖ ฟุต แกะสลักจากหินอ่อนชิ้นเดียวซึ่งนำมาจากเหมืองหินสะคยินทางทิศเหนือของเมืองมัณฑะเลย์  แรงงาน ๑๐,๐๐๐ คนต้องใช้เวลา ๑๓ วันกว่าจะนำหินขึ้นบก แล้วเคลื่อนย้ายมายังที่ประดิษฐาน!




พระพุทธรูปองค์สร้างนี้ในสมัยพระเจ้ามินดง  แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๘  เชื่อกันว่าพระพักตร์ของพระพุทธรูปละม้ายคล้ายพระเจ้ามินดง  ผมถ่ายภาพพระบรมสาทิศลักษณ์ของพระเจ้ามินดงมาให้ดูด้วย  เพื่อน ๆ ว่าคล้ายกันมั้ยครับ?



ฝันเป็นจริงอีกเรื่องนึงแล้ว ต่อไปก็ต้องจัดการเรื่องซื้อตั๋ว slow boat ไปพุกาม เพื่อจะให้ได้เดินทางอย่างที่เคยทำในอดีต

ผมจะต้องปั่นจักรยานไปยังท่าเรือ (jetty)  ต.ม.  ตามมา... แดดอาจจะร้อนหน่อยนะครับ!

หมายเหตุ - วัดชื่อเดียวกันนี้ (Kyauktawgyi) ยังมีอยู่อีกแห่งหนึ่งที่ตองตะมาน เมืองอมรปุระ  

วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Travellin' light ไปพม่า - วัดอตุมาชิ

เดินทางแบบเบาตัว (travellin' light) มามัณฑะเลย์...ผมบรรยายไม่ถูกว่า รู้สึกภูมิใจและสุขใจแค่ไหนที่ได้ทำในสิ่งที่คิดไว้  วันนี้นับตั้งแต่ตื่นนอนตอนตี ๓ ออกไปวัดพระมหามัยมุนี แล้วไปสะพานอูเบ็ง จากนั้นก็เช่าจักรยานขี่มาวัดกุโสดอร์  ได้เห็นสถานที่ ๆ เคยถ่ายภาพไว้เมื่อ ๓๑ ปีก่อน  ถ้าให้บินกลับเย็นนี้เลย...ผมก็คิดว่าคุ้มแล้วกับการเดินทางครั้งนี้  แต่ยังก่อน...ผมยังมีเวลาอีก ๑๒ วัน ที่จะสานฝันอีกหลายเรื่องให้เป็นจริง! 


จากซายัตที่ตามหาจนเจอ... ผมขี่จักรยานเที่ยวบริเวณใกล้เคียง ไปถึงวัด ๆ หนึ่งซึ่งใหญ่โตมาก กล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามินดง วัดนี้มีชื่อว่า "วัดอตุมาชิ  (Atumashi)"

คุณ Supawan ได้เขียนไว้ในบล็อกว่า...
วัดอตุมาชิ อยู่ใกล้ๆกับพระราชมณเฑียรทอง พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เก็บรักษาคัมภีร์พระไตรปิฎกของหลวง 4 ฉบับ โดยใส่หีบปิดทองล่องชาด และโปรดฯให้พระราชาคณะรูปหนึ่ง ซึ่งมีความรอบรู้พระไตรปิฎกอย่างไม่มีใครเสมอเหมือนมาครองวัดนี้ คือ ‘ปะกันซายาดอว์”  อีกทั้งยังสร้างวิหารนี้ด้วยโครงไม้ เอาอิฐพอกถือปูนปั้น จำหลักลวดลายปิดทองล่องชาดประดับกระจกอย่างประณีต รูปลักษณ์คล้ายมีศิลปะยุโรปมาผสม ทำให้แตกต่างจากวิหารอื่นๆในมัณฑะเลย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานไม้ล้วน ๆ
พระองค์ทรงอุทิศถวายเพชรเม็ดใหญ่ ประดับพระอุณาโลมของพระประธานวัดนี้ แล้วเฉลิมนามวัดนี้ว่า “อตุมาชิ” แปลว่า งดงามอย่างไม่มีที่ติ อย่างไรก็ตาม เพชรประดับพระประธานได้หายไประหว่างการจราจลก่อนที่อังกฤษจะยึดมัณฑะเลย์ … ในปี พ.ศ. 2433 วัดนี้ถูกไฟไหม้ อาคารวัดที่เห็นในปัจจุบัน คือ การสร้างจำลองขึ้นมาใหม่หลังปี พ.ศ. 2538
(ขอขอบคุณที่มา)

พอมาเห็นวัดซึ่งชื่อออกทางญี่ปุ่นนิด ๆ  ไม่รู้ยังไง...ผมกลับไม่คิดที่จะเข้าไปข้างใน หรือขึ้นไปถึงข้างบน คงเป็นเพราะความใหญ่โตของวัดก็ได้ ผมขอสัมผัสแต่เพียงภายนอกก็พอแล้ว!





มีวงเวียนสวยอยู่หน้าวัดอตุมาชิ...


ผมเห็นขบวนรถวิ่งผ่านมา...


หันกล้องตาม...ผมพยายามที่จะจับภาพให้ได้!


ดูคล้าย ๆ ว่าจะเป็นขบวนแห่ลูกแก้ว?


ขบวนรถวิ่งอ้อมวงเวียนแล้วตรงออกไปยังถนนเบื้องหน้า ผมอยากจะปั่นจักรยานตามไปหาคำตอบ แต่ห้ามใจไว้ เพราะจะเที่ยงวันแล้ว ยังมีสิ่งที่ต้องตามหาอีก นั่นคือ พระพุทธรูปแกะสลักจากหินอ่อนขนาดใหญ่  ที่วัดอะไรไม่รู้  จำชื่อไม่ได้  รู้แต่ว่าอยู่ใกล้ ๆ กับมัณฑะเลย์ฮิลล์...

ผมขี่จักรยานย้อนกลับไปทางมัณฑะเลย์ฮิลล์....เพื่อน ๆ ตามไปนะครับ!

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Travellin' light ไปพม่า - ตามหาซายัต

ซายัต (Zayat) คือศาลาหรือสิ่งก่อสร้างที่พบเห็นได้ทั่วไปตามหมู่บ้านส่วนใหญ่ในประเทศพม่า สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักพิงสำหรับผู้เดินทาง ในขณะเดียวกันก็ใช้เป็นที่ชุมนุมชาวบ้าน และเป็นศาลาอเนกประสงค์สำหรับศาสนกิจเป็นครั้งคราว วัดบางแห่งอาจสร้างซายัดไว้มากกว่า ๑ หลัง ซายัตส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมถนนหลวง เพื่อบริการน้ำดื่มและที่พักสำหรับนักเดินทางผู้เหนื่อยล้า...



ผมถ่ายภาพซายัตที่วัดกุโสดอร์มาให้เพื่อน ๆ ดูด้วย...


ติดกับถนนด้านนอกก็ยังมีซายัตอีกหลังหนึ่ง ปลูกลึกลงไปในหนองน้ำ...


ปี ๒๕๒๖ ผมเคยถ่ายรูปไว้แล้วบานนึง ตอนนั้นน้ำในบึงแห้ง ทำให้เห็นเสาตอม่อชัดเจน...


ผมบันทึกภาพของเด็กน้อยไว้ด้วย ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคนแล้ว...


ได้กลับไปเยือนอีกครั้งเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๗ ผมออกจากวัดกุโสดอร์ มุ่งหน้าไปยังซายัตที่อยากเห็นทันที....


อยู่นั่นไง!  ในวันที่น้ำเต็มหนอง...


ซูมเข้ามาใกล้ ๆ...




ผมขี่จักรยานอ้อมไปด้านหน้า วันนี้ไม่เห็นเด็กน้อยกับคุณยายอยู่บนศาลา แต่มีเด็ก ๓ คนกำลังเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่...


ใกล้ ๆ กัน มีวัว ๑ ตัวยืนอยู่...


ซายัตที่ผมเคยเห็นเมื่อ ๓๑ ปีก่อนยังคงอยู่คู่กับวัดกุโสดอร์  เป็นสาธารณะประโยชน์สำหรับผู้คนโดยทุนสามานย์ไม่อาจมาทำลาย!