วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พระพุทธรูปเรืองแสง


เดลินิวส์พาดหัวไว้น่าทึ่งว่า "ชาวบ้านตะลึง พบพระพุทธรูปเรืองแสงได้ในความมืดประดิษฐานอยู่ภายในวิหารของสำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ เมืองลำปาง"  แถมบางเว็บยังคุยไว้อีกว่าเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทย (Unseen Lampang)  พอดีสำนักสงฆ์ดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากบ้านห้างฉัตร วันนี้จึงขอถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปดูซะหน่อย...


เป็นทริป behind the wheel นะครับ! ระยะทางจากห้างฉัตรไปสำนักสงฆ์ดอยวังเฮือประมาณ ๓๐ กิโลเมตร จากตัวเมืองลำปางขับไปตามทางหลวงหมายเลข 11 (เส้นทางไปเด่นชัย) เมื่อถึงสามแยกไฟแดงทางเข้าแม่เมาะ (3) ก็ให้เลยไปกลับรถที่ยูเทิร์น (4)  ขับกลับมาประมาณ ๙๐๐ เมตรจะเห็นป้ายบอกทางไปทะเลลำปาง (5) เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทางซึ่งมีทั้งที่เป็นลูกรังและคอนกรีตประมาณ ๑.๕ กิโลเมตรถึงแพชุมชนวังเฮือ ทะเลลำปาง (6)  เลี้ยวแยกออกทางซ้ายไต่ขึ้นไปอีก ๑.๕ กิโลเมตรก็ถึงสำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ (2)


ระยะทาง ๕๐๐ เมตรก่อนถึงลานวัดเป็นถนนลูกรังโรยหินที่มีความชัน เพื่อน ๆ ต้องใช้เกียรต่ำไต่ระดับ และระมัดระวังให้มาก ๆ ในการขับขี่...


ขึ้นไปถึงข้างบนแล้วก็จะหายเหนื่อยเมื่อได้พบกับความงามของเจดีย์และพระพุทธรูป...


สำนักสงฆ์ดอยวังเฮืออยู่เลขที่ ๒๘๓ บ้านผาลาด ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ก่อนหน้านั้นเป็นสำนักสงฆ์เก่าแก่ที่เคยมีพระเกิจิอาจารย์หลายรูปมาจำพรรษา แต่ถูกปล่อยให้รกร้างมาหลายสิบปี จนกระทั่งปี ๒๕๕๓ หลวงพ่อภูริปัญโญ ภิกขุ ได้มาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ได้ร่วมกับลูกศิษย์และคณะศรัทธาพัฒนาพื้นที่และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยเริ่มสร้างพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ประดิษฐานรอบ ๆ สำนักสงฆ์ ตั้งแต่ทางขึ้นไปจนถึงภายในวิหาร ต่อมาเมื่อปี ๒๕๔๐ ได้พระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ในพระเจดีย์ มีคณะศรัทธาจากหน่วยงานต่าง ๆ มาทำบุญอยู่เป็นประจำ

พระพุทธรูปเรืองแสงนั้นประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร เป็นพระพุทธรูปองค์ที่ ๒๘ ชื่อ “พระโคตมะ” ปางมารวิชัย ทรงเครื่องทรงจักรพรรดิ ที่มีขนาดความสูง ๑๘ ศอก หน้าตักกว้าง ๘ ศอก ก่อสร้างด้วยปูนและเคลือบด้วยสารเรืองแสงถึง ๓ ชั้น ใช้เวลาก่อสร้าง ๑ ปี ๘ เดือน (๒๕๕๔ - ๒๕๕๕)  เว็บ dailynews.co.th กล่าวว่า...
"เจ้าสำนักสงฆ์ผู้สร้างเผยว่าเกิดจาการผสมสารบางอย่างที่หล่อเข้าไปในตัวพระเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเวลาอยู่ในที่มืด อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่าเกิดจากสาร “ฟอสฟอร์” (phosphor) ที่ใช้ผสมกับสีในการหล่อพระพุทธรูป หากปิดประตูหน้าต่างหรือเวลามืดค่ำแล้ว พระพุทธรูปองค์นี้จะเรืองแสงเป็นสีเขียวมรกตทันที..."

เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องนำภาพกลับมาฝากเพื่อน ๆ ...










แต่งภาพด้วย PhotoShop


แต่งภาพด้วย PhotoShop








พระพุทธรูปสามองค์มีลูกแก้วกลมอยู่เหนือเศียร...


ได้เวลากลับแล้ว... ต้องค่อย ๆ ลง


มีโอกาสจะพาเพื่อน ๆ ไปดูวัดอื่น ๆ อีก!

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

FB Trip ไปลำพูน - วัดป่าเห็ว


"วัดป่าเห็ว" อยู่เลขที่ ๑๕๘ หมู่ ๕ ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน  จาก "วัดสุวรรณาราม" หรือ "วัดป่าลาน" ผมปั่นจักรยานแค่ ๕๐๐ เมตรก็ถึงแล้ว..



เว็บเทศบาลตำบลอุโมงค์ให้ข้อมูลไว้ว่า "วัดป่าเห็ว" ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างมาแต่สมัยใด แต่ก่อนเป็นวัดร้าง มาเริ่มบูรณะปฏิสังขรณ์ซากพระเจดีย์โบราณเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ และได้รับพระราชทานวิสูงคามสึมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖  ในอดีตเรียกว่า  "วัดป่าเหียวหลวง"  หัวเวียงเมืองหละปูน ตั้งชื่อตามหมู่บ้านซึ่งมีต้นเหียวหรือต้นตะเคียนหนูมากมายอยู่บนสองฝั่งน้ำปิงห่าง ต่อมาได้กร่อนเสียงเป็น "ป่าเห็ว" เช่นปัจจุบัน


ซุ้มประตูวัดป่าเห็วตั้งอยู่ห่างจากถนนป่าเห็ว-ริมปิง (1030) ประมาณ ๒๐ เมตร แม้ประตูเหล็กจะปิดอยู่ ก็เข้าทางด้านข้างได้...


เข้าไปแล้วเห็นศาลาอเนกประสงค์อยู่ทางด้านซ้ายมือ...


อยู่ตรงหน้าคือพระวิหารซึ่งงดงามยิ่งนัก คงเป็นฝีมือของช่างลำพูนซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการสร้างวัดวาอาราม...


บันไดนาค ๕ ขั้นปูด้วยหินอ่อน เศียรนาคามีดวงตาสีแดงเขี้ยวขาว...










วิหารพระนอนตั้งอยู่ด้านข้าง...





"วิหารพระเจ้าทันใจ"...



หอกลองหอระฆังสร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖



หยิบโพยออกมาดู เห็นได้ว่าวัดต่อไปคือ "วัดกอม่วง"


แสงน้อยลงทุกที...อยู่นานไม่ได้!  ผมคงต้องเร่งทำเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน!!