ถึงสถานีหัวลำโพงก่อน ๑๑ โมง ผมตรงไปที่ช่องจำหน่ายตั๋ว ยื่นบัตรประชาชนให้ แล้วขอตั๋วรถไฟฟรีไปลง "โก-ลก" เจ้าหน้าที่สาวบอกว่าไม่มีที่นั่งแล้วนะ ก่อนที่จะส่งตั๋วยืน (standee) ให้!!
รับตั๋วมาแล้วแบกเป้ไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับผู้โดยสาร ผมนึกตำหนิตัวเองที่ไม่จองตั๋วให้เรียบร้อยก่อนออกไปแลกเงิน นึกถึงคำว่า "ตั๋วยืน"...ผมหลับตาเห็นภาพตัวเองยืนหลับไปตลอดทางจนถึงยะลา คงไม่ไหว! ต้องลุกขึ้นเดินไปยังช่องเปลี่ยนตั๋ว (ช่องแรก) ยอมควักตังค์ขอเปลี่ยนตั๋วเป็นชั้น ๒ เจ้าหน้าที่หนุ่มแจ้งว่าเต็มหมดแล้วทุกที่นั่ง!!
โห...จากกรุงเทพถึงสุราษฎร์ฯ ใช้เวลาเกือบ ๑๒ ชั่วโมง แล้วยังต้องไปอีก ๘ ชั่วโมงกว่าจะถึงยะลา!
คงต้องตกกระไดพลอยโจนแล้วหละ ผมไม่มีทางเลือก คิดหาทางออกด้วยการนั่งบนพื้นไปจนถึงจุดหมาย...
ก่อนอื่นต้องหาที่เก็บเป้ให้ได้ก่อน ผมรีบเดินเข้าไปยังชานชาลาที่รถเร็วขบวน 171 จอดเทียบอยู่...
นำเป้ขึ้นวางไว้บนชั้นวางสัมภาระเหนือหัวบริเวณท้ายโบกี้ จากนั้นก็มองหาจุดที่จะนั่งไปบนพื้นโดยให้เสี่ยงภัยน้อยที่สุด! ตรงบันไดนั่นแหละ...แต่ไม่ต้องหันหน้าออก ผมทดลองนั่งขัดสมาธิใช้หลังแนบผนัง หัวเข่ายันฝา คิดว่าน่าจะไม่ตกรถนะ! .
ได้ที่แล้วก็ต้องลงไปนั่งรอที่ชานชาลาอีกเป็นชั่วโมง...
ในที่สุดรถก็ออก ผมนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ปักหมุดไว้ เจ้างูยักษ์เลื้อยออกจากสถานีหัวลำโพงช้า ๆ...
รถวิ่งไปได้ไกลโข ผมได้ยินเสียงแก๊บ ๆ ดังมาจากโบกี้ด้านหลัง รีบลุกขึ้นยืน รอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว นายตรวจคงจะเห็นว่าตั๋วของผมเป็น "ตั๋วยืน (standee)" เขาเจาะรูที่ตั๋วแล้วส่งคืน อีกพักใหญ่ก็กลับมาเรียกให้ผมเข้าไปนั่งภายในโบกี้ที่มีเบาะสำหรับนั่ง ๓ คนและนั่ง ๒ คนเรียงกัน พอดียังมีที่ว่าง ต้องให้เจ้าหน้าที่ไปบอกให้เขาขยับตัวแบ่งที่นั่งให้ แต่ก็ได้นั่งอยู่ไม่นาน เมื่อผู้โดยสารซึ่งเป็นเจ้าของที่ขึ้นมา ผมต้องกลับออกไปนั่งตรงบันไดอีกเช่นเดิม!!
หลังจากนั่งตรงบันไดไปจนเข้าใกล้นครปฐม ผมลองลุกขึ้นไปสำรวจดูภายในโบกี้ที่ได้เก็บเป้เอาไว้ เห็นมีที่นั่ง ๓ คนบางตัวที่มีคนนั่งเพียง ๒ คน แต่พอเข้าไปขอนั่งด้วยกลับถูกบอกว่าไม่ว่าง...มีเจ้าของบ้าง เค้าไม่ยอมขยับให้นั่งเพราะอยากจะนั่งแบบสบาย ๆ ..
โชคดีที่ยังมีคนแบ่งที่ให้นั่ง แม้อยู่ใกล้ส้วมก็ไม่เป็นไร พอถึงนครปฐมคนโดยสารขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นผู้ถือตั๋วมีหมายเลขที่นั่ง มีเด็กหญิงตัวเล็กมาด้วย ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะไม่มีใครมอบที่นั่งให้ ผมตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเรียกเด็กให้เข้ามานั่ง ตัวเองเดินจากมา ตั้งใจว่าจะกลับไปนั่งบนพื้นเหมือนเดิม พอดีเหลือบเห็นเบาะ ๓ คนมีคนนั่ง ๒ คนอยู่อีกเบาะหนึ่ง จึงเข้าไปขออาศัยนั่งด้วย ชายคนที่นั่งอยู่ขยับตัวให้ ผมจึงไม่ต้องกลับไปนั่งตรงบันได...
ทางด้านซ้ายผมเห็นหญิงคนหนึ่งนั่งยกเท้าขึ้นบนเบาะ ครองที่นั่งเอาไว้คนเดียว เธอยังมีหน้าบอกกับผมว่าเช้ามืดจะลงที่สุราษฎร์ แล้วจะให้ผมไปนั่งแทนที่เธอ...แต่ตอนนี้ขอนั่งสบาย ๆ ไปก่อน สถานีต่อไปมีผู้โดยสารขึ้นมาอีก ไม่มีที่นั่ง...ต้องยืน ชายคนหนึ่งอุ้มลูกให้เห็นอยู่ต่อหน้า หญิงไร้น้ำใจก็แสร้งหลับ ไม่ยอมแบ่งปันที่นั่งให้ ผมได้เห็นพฤติกรรมของคนเห็นแก่ตัวไปตลอดเส้นทาง ตัวเองก็ได้แต่นั่งตัวลีบ หลับ ๆ ตื่น ๆ ตั้งแต่หัวค่ำไปจนเช้ามืด
วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๘ ผมมีตั๋วโดยสารไปจนถึงสุไหงโก-ลก แต่ก็ต้องตัดสินใจว่าจะลงสถานีไหนดี? คำเตือนของอาจารย์บีเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยที่จะนั่งรถจากยะลาไปเบตงยังดังก้องในสมอง ในใจก็ยังอยากจะดื้อรั้น ไม่ทำตามคำแนะนำที่ให้ไปลงหาดใหญ่แล้วนั่งรถตู้ไปเบตง ผมหันไปคุยกับคนใต้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เค้าบอกว่าเมื่อวันก่อนมีระเบิด ๔ จุดในปัตตานี ทหารซึ่งนั่งมากับรถขบวนนี้เต็ม ๑ โบกี้ก็กำลังยกพลไปลงที่สถานียะลา ผมจึงตัดสินใจไม่ไปลงที่นั่น!
ส่วนสุไหงโก-ลกนั้น ถ้าผมไปลงที่นั่น ก็ต้องต่อไปโกตาบารูแล้วนั่งรถไปบัตเตอร์เวิร์ธ ทำให้หมดโอกาสได้เห็นเมือง Baling และที่สำคัญคือไม่ได้เป็นผู้นำทางให้กับเพื่อน ๆ ที่คิดจะเดินทางเข้าออกทางด่านเบตง! ในที่สุดผมก็ตัดสินใจไปลงหาดใหญ่ซึ่งใน timetable บอกว่าจะถึงเวลาประมาณ ๐๖.๔๕ น.
ผมยืนอยู่บนชานชาลาสถานีชุมทางหาดใหญ่แล้วครับ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น