วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

คืนแห่งความทรงจำ


๑ เมษายน ๒๕๕๘... รถเร็วขบวน 102 พาผมเดินทางออกจากสถานีเชียงใหม่เมื่อเวลา ๐๕.๔๕ น. ถึงสถานีหัวลำโพงเมื่อเวลาประมาณ ๓ ทุ่มกว่า


๑๕ ชั่วโมงของการนั่งหลังขดหลังแข็งในโบกี้รถชั้น ๓ ตั้งแต่เช้ายันค่ำเป็นประสบการณ์ที่เคยชินซะแล้ว ผมต้องทำใจให้นิ่ง ปรับกายให้อยู่ได้กับความลำบาก แม้จะรู้สึกคัน เหนียวตัว อ่อนล้า และเมื่อยขบ...


ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย... ผมมองภาพของผู้โดยสารผู้ร่วมเดินทางมาด้วยกันด้วยความสนใจ ตลอดเส้นทางไม่เคยปล่อยให้แต่ละนาที ๆ ผ่านไปอย่างไร้ความหมาย  กับชีวิตที่เห็นเบื้องหน้า... หากเป็นนักเขียนคงเก็บมาบรรยายได้ยาวยีด แต่น่าเสียดายที่ผมเป็นแค่เพียงนักเดินทางสูงวัยคนหนึ่งเท่านั้น!


ได้แต่พยายามมองภาพที่ปรากฏต่อสายตาอย่างรังสรรค์...


มีน้ำและอาหารใส่ถุงหิ้วมาด้วย ผมไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียวตลอดการเดินทางจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ  เมื่อช่วงแรกผ่านไป พรุ่งนี้ก็ต้องนั่งรถเร็วลงใต้เวลาบ่ายโมงตรง แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนล่ะ? อีกตั้ง ๘ ชั่วโมงกว่าจะสว่าง!!  ผมวางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าจะขอนั่งหลับรอจนถึงเช้า เหมือนกับเคยทำที่สถานีรถไฟในเวนิส แฟรงก์เฟิร์ต และมัณฑะเลย์...


บริเวณห้องโถงใหญ่หน้าช่องจำหน่ายตั๋ว ผมเห็นเก้าอี้สำหรับผู้โดยสาร คิดว่าเหมาะเหลือเกิน!  ไปนั่งอยู่ได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็มาไล่  บอกว่าสถานีจะปิดแล้ว!  ให้ออกไปอยู่ข้างนอก!


ห้องน้ำในสถานีใช้งานไม่ได้ (ปิดปรับปรุง) ทาง กทม. ต้องนำรถสุขามาจอดให้บริการอยู่ด้านหน้าสถานี


ไม่มีใครอยากลำบากหรอกนะ บนพื้นซึ่งปกติเป็นที่สัญจรของผู้คน ขณะนี้ได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นโรงแรมสาธารณะสำหรับนักเดินทางผู้ไม่มีที่จะไป ชายคนหนึ่งซึ่งนั่งมาด้วยกันจากเชียงใหม่ กำลังจะกลับบ้านที่ราชบุรี เขาต้องนอนรอที่หัวลำโพงจนสว่าง ก่อนจะจับรถเมล์เที่ยวแรกไปขนส่งสายใต้เพื่อนั่งรถโดยสารไปเมืองโอ่งมังกร  ชายผู้ใจดีต้องไปหาหมอที่เชียงใหม่ เค้าบอกว่านอนที่โรงแรมหัวลำโพงอย่างเนี้ยทุก ๆ สองเดือน ผ้าพลาสติกสีเหลืองที่พกพามาด้วยถูกปูลงบนพื้นสกปรกเพื่อใช้เอนตัวลงนอน...


มีที่ว่างแคบ ๆ อยู่ระหว่างกลาง คนราชบุรีกวักมือเรียกคนลำปางให้ไปนอนตรงนั้น...


วางเป้และถุงเสบียงไว้หัวนอน ผมเหยียดกายลงบนพื้นหินขัด นับเป็นครั้งแรกในชีวิต (และคงเป็นครั้งสุดท้าย) ที่ได้อาศัยพื้นถนนหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นที่นอน...


มองไปรอบข้าง เห็นเพื่อนร่วมประสบการณ์เดียวกันจำนวนไม่น้อย...


ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย เป็นฝูงชนที่บรรดานักการเมืองและมหาเศรษฐีมองเห็นว่ามิได้อยู่ในระดับเดียวกับตน พื้นถนนนั่นแหละคือที่ ๆ เหมาะสมแล้วสำหรับหลับนอน...


อากาศร้อนอบอ้าวก็ต้องทนอยู่ให้ได้...


บ้างก็มากันเป็นครอบครัว ห้อง suite ที่นี่ไม่คิดเงิน...


ผมนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ จนเกือบจะตีห้าจึงได้ลุกขึ้น เพื่อนร่วมพื้นถนนบอกว่าอีกไม่ช้าสถานีก็จะเปิดและมีเจ้าหน้าที่มาเป่านกหวีดไล่ ผมเห็นผู้คนเก็บเสื่อซึ่งมีทั้งกระดาษหนังสือพิมพ์และผ้าพลาสติกแล้วหิ้วสัมภาระไปรอที่ประตูทางเข้าสถานี  วันนี้ไม่มีเสียงนกหวีดให้ได้ยิน เพราะผู้พักอาศัยต่างรู้หน้าที่  ในนานนักบริเวณหน้าสถานีหัวลำโพงก็เปลี่ยนสภาพจากโรงแรมคนจนกลายเป็นทางเดินสาธารณะ...


ผมเริ่มต้นวันที่สองของการเดินทางที่นี่ สถานีรถไฟหัวลำโพง...หรือจะเรียกว่าโรงแรมหัวลำโพงก็ได้!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น